ซ้อนแผนปล้น 36 ชั่วโมง ทลายซุ้มโจรเบอร์ 1 แห่งหนองจอก รวบ 3 เสือ แก๊งทางเดินเสือ พร้อมสมุมร่วม ปล้น ฆ่า ค้ายา ค้าอาวุธ ค้นเซฟเฮ้าส์ อึ้ง เจอสาววัย15ร่วมด้วย
เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 8 เม.ย.2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัวแก๊ง “ทางเดินเสือ” 6 ราย คือ
นายณัฐวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) หรือ ไอ้เสือ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.1352/2566 ลงวันที่ 20 ธ.ค. 66 ข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันลักทรัพย์”
ประวัติการก่อคดีมาอย่างโชกโชน พ.ศ.2563 ก่อเหตุร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1ฯ, พ.ศ.2564 ก่อเหตุร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1ฯ, พ.ศ.2564 ก่อเหตุร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พ.ศ.2566 ก่อเหตุร่วมกันพยายามฆ่า, ร่วมกันลักทรัพย์ (ตามหมายจับ),
นายนวพล (ขอสงวนนามสกุล) หรือ เสือเก๋า อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.341/2567 ลงวันที่ 4 มี.ค.67 ข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปฯ พบเบาะแสว่าเคยร่วมกับ นายอารักษ์ (ขอสงวนนามสกุล) ก่อคดี ปล้น ฆ่า ฉ้อโกง อาวุธปืน มาหลายคดี และหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน,
นายอารักษ์ (ขอสงวนนามสกุล) หรือ เสือกี้ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.341/2567 ลงวันที่ 4 มี.ค.67 ข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปฯ พบเบาะแสว่าเคยร่วมกับ นายนวพล ก่อคดี ปล้น ฆ่า ฉ้อโกง อาวุธปืน มาหลายคดี และหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน,
นายบูรพา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี, น.ส.ปริษา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี, น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี โดยทั้ง 6 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ตรวจยึดปืนเถื่อนจำนวน 9 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน โดยจับกุมและตรวจค้นที่บ้านหลังหนึ่ง ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก จ.กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากมีประชาชนร้องขอให้สืบนครบาลช่วยปราบ แก๊งทางเดินเสือ ซุ้มโจรแห่งหนองจอก เป็นที่หวาดผวาและเอือมระอาของประชาชนในพื้นที่ละแวกชานเมือง ตระเวนก่อเหตุ ปล้น ฆ่า ค้ายา ค้าอาวุธ จนเป็นที่หมายหัวของตำรวจในพื้นที่ แต่เจ้าตัวสามารถหลบหนีการจับกุมแล้วยังมีการฝากจดหมายน้อยมาเยอะเย้ยตำรวจว่า “จับผมไม่ได้หรอก”
โดยตระเวนก่อเหตุ ปล้น ฆ่า ค้ายา ค้าอาวุธ มีเบาะแสว่าแก๊งนี้กบดานอยู่ในละแวกหนองจอกเท่านั้น จากวงรอบการก่อเหตุ ภูมิศาสตร์ และเบาะแสจากสายข่าวล่าสุดว่าเห็นซุ้มโจรนี้ซุ่มอยู่ละแวกร้านสะดวกซื้อ ย่านถนนเรียบวารี
ทำให้เกิดวิเคราะห์ว่า “ต้องมีการปล้นเกิดขึ้นแน่” ส่งชุดสืบสวนพิเศษลงพื้นที่เฝ้าละแวกที่น่าจะมีการปล้นเกิดขึ้นกว่า 36 ชั่วโมงที่ชุดสืบสวนกินนอนและเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บนรถ จนกระทั่งวันที่ 8 เม.ย. เวลาประมาณ 03.30 น. ชุดสืบสวนเห็นรถต้องสงสัยมาจอดซุ่มและมีการปล่อยคนลงไปดูลาดเลาในร้านสะดวกซื้อ
จึงนำกำลังเข้ารวบตัว 2 เสือ ลูกสมุนของหัวหน้าแก๊งไว้ได้ ก่อนจะนำตัวบุกไปเข้าค้นเซฟเฮ้าส์ลับที่ ไอ้เสือ หัวหน้าแก๊งกบดานอยู่ เมื่อชุดสืบสวนไปถึง ไอ้เสือไหวตัวทันกระโดดปีนกำแพงหลังบ้านหนี ชุดสืบสวนเข้าไปในป่ากบ
แต่เจ้าหน้าที่ไหวตัวทันไล่ล่าไปอย่างกระชั้นชิด สุดท้ายไอ้เสือหนีไม่รอดเพราะได้รับบาดเจ็บจากการกระโดดปีนกำแพงทำให้แขนหัก (เดิมหักอยู่แล้วกำลังรักษา) ถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด จากการตรวจค้นในเซฟเฮ้าส์พบปืนเถื่อน 9 กระบอก โดยชุดสืบสวนสามารถจับกุมตัวคนร้ายในเซฟเฮ้าส์ได้ทั้งสิ้น 6 ราย
หลังการจับกุม พล.ต.ต.ธีรเดช สั่งการขยายผลถึงที่สุด จนชุดสืบสวนพบข้อมูลว่า แก๊งนี้เรียกได้ว่า เป็นพ่อค้าอาวุธปืนรายใหญ่ในย่านหนองจอก พบประวัติการขายอาวุธปืนเถื่อนแล้วกว่า 2,000 กระบอก ด้วยวิธีการโดยการ “ตบ” หรือ “ยึดปืน” เอามาจากเด็กวัยรุ่นในย่านดังกล่าว เอามาสะสมรวมกันในคลังแสง ก่อนจะประกาศขายทางช่องทางออนไลน์ โดยจะขายในราคากระบอกละตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท
เมื่อลูกค้าที่ตกเป็นเหยื่อได้หลงเข้ามาสั่งซื้อปืนจากแก๊งนี้ ซึ่งได้วางกลอุบายไว้เป็นแบบแผน จะนัดลูกค้าให้มารับของด้วยตนเอง แต่เมื่อลูกค้ามาถึงจุดนัดหมาย ตรวจสอบสินค้าแล้วโอนเงินให้ตามที่ได้ตกลงไว้ คนร้ายกลับได้ยกพวกกว่า 10 คน รุมล้อมและใช้อาวุธปืนจี้ปล้นทั้งเงินและปืนกลับไป ซึ่งขณะนี้มีผู้ได้รับความเสียหายจากการก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว ไม่ต่ำกว่า 20 ราย
จากการสอบสวน นายนว และ นายอารักษ์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเสือ หัวหน้าแก๊ง ได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับนายเก๋า หัวโจกและนายกี้ มาตั้งแต่สมัยวัยเด็กชั้นประถม ก่อนจะได้แยกย้ายกันไปและโคจรกลับมาพบกันอีกครั้งเมื่อทุกคนอายุได้ประมาณ 17 ปี
ซึ่งในขณะนั้น พวกของตนได้เริ่มเกเรและมักจะมีเรื่องกับกลุ่มคู่อริต่าง ๆ อยู่บ่อยครั้ง ทำให้เริ่มสนใจการเก็บสะสมอาวุธปืนในลักษณะที่เป็นปืนไทยประดิษฐ์ จนเมื่อประมาณต้นปี 2566 นายเก๋าได้เคยสั่งซื้ออาวุธปืนจากทางออนไลน์ และกำลังจะเดินทางไปรับพัสดุที่ได้สั่งซื้อไว้ แต่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้พร้อมกับของกลางเป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก
ทำให้ต้องโทษคดีเป็นครั้งแรก และได้เข้าไปอยู่ในเรือนจำประมาณ 10 วัน ก่อนจะได้ประกันตัวออกมาต่อสู้คดีจนถึงปัจจุบัน หลังจากนายเก๋าได้ประกันตัวออกมา กลับมารวมกลุ่มกันตั้งแก๊ง “ทางเดินเสือ” โดยมีนายเสือเป็นหัวโจก และได้เริ่มสะสมอาวุธปืนมากขึ้น
โดยจะสั่งซื้อจากทางออนไลน์ในราคากระบอกละ 500-2,000 บาท และบางครั้งก็จะใช้วิธีการ “ตบ” หรือยึดปืนเอาจากคนอื่นมาเป็นของตน จากนั้นจึงได้เริ่มขายอาวุธปืนทางออนไลน์ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊กและไลน์
โดยในช่วงรุ่งโรจน์ตนเองกับพวกเคยมีรายได้จากการขายปืนมากสุด เดือนละประมาณ 20,000 บาทต่อคน ส่วนอาวุธปืนของกลางที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้วันนี้ เป็นปืนของสะสมของนายเสือ นายเก๋า และนายกี้
ส่วนอาวุธปืนที่ได้แพ็กใส่กล่องพัสดุเรียบร้อยแล้วนั้น นายเก๋า กับนายกี้ เตรียมจะไปส่งขายในราคา 5,000 บาท แต่ลูกค้ายังไม่ได้โอนเงินจึงยังไม่ได้นำไปส่ง ก่อนจะได้มาถูกจับกุมในวันนี้
ส่วน นายณัฐวุฒิ หรือ เสือ ยังปากแข็ง เลือกตัดขาดโยนความผิดให้เพื่อนรับเต็ม ๆ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เช่นเดียวกันกับ ผู้ถูกจับอีก 3 คน ที่ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาโดยอ้างว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นใดในการค้าขายอาวุธปืนเถื่อนมาก่อนหลังจับกุมตัว ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ส่งพนักงานสอบสวน สน.หนองจอก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย