ไล่ล่า รถ ขนแรงงานเถื่อน หนีข้ามอำเภอ ผงะเปิดมาเจอ อัดแน่น 58 คนในคันเดียว

ไล่ล่า รถ ขนแรงงานเถื่อน หนีข้ามอำเภอ ผงะเปิดมาเจอ อัดแน่น 58 คนในคันเดียว

 

ไล่ล่ากระบะ ขนแรงงานเถื่อน หนีข้ามอำเภอ อึ้งอัดแน่น 58 คน อีกคดีล่องเรือขึ้นฝั่งหนีซุกป่าที่ทองผาภูมิ 81 คน สารภาพหนีภัยสงครามจากการสู้รบ

เมื่อวันที่ 6 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ ร.ท.ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พล.ต.วุทธยา จันทมาศ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 พ.ต.อ.บรรจง อัมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี

พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนานรอง ผบก.ภ.จว. กาญจนบุรี พ.ต.อ.สธนทัต ตั้งสิทธิ์เสรีวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว. กาญจนบุรี พ.ต.อ.มานะ สำราญวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ.พงศ์พัฒน์ ห้องสินหลาก ผบ.ร.29/ผบ.หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้ากกล.สุรสีห์

พ.อ.สุรเดช เมฆานุวงศ์ รอง ผบ.ร.29/รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.13 (ค่ายพระพุทธยอดฟ้า) ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมามาจากชายแดนด้าน อ.สังขละบุรี มุ่งหน้าเข้าตัวจังหวัดกาญจนบุรีเป็นจำนวนมาก

พล.ต.ต.นครินทร์ จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว. กาญจนบุรี พ.ต.อ.มานะ สำราญวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.ศุภกิจ มหาโชคธรณี รอง ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี นำกำลังออกสืบสวนเพื่อหาข่าวในการสกัดกั้นและจับกุม

จนกระทั่งเวลา 15.00 น. ขณะที่ พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว. กาญจนบุรี พ.ต.อ.มานะ สำราญวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯไปถึงท้องที่ ต.ลิ้นถิ่น อ.ทองผาภูมิ พบรถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีบอรนซ์ หมายเลขทะเบียน 3ฒถ 9554 กรุงเทพมหานคร ขับอยู่บนถนนทางหลวงสาย 323 มาจากทางด้านอำเภอสังขละบุรี มุ่งหน้าเข้าตัวอำเภอเมืองกาญจนบุรี ลักษณะบรรทุกสินค้าการเกษตรมาเต็มคันรถ โดยใช้สแลนและกระสอบปิดทับเอาไว้

จากการสังเกตของเจ้าหน้าที่พบว่ารถกระบะคันดังกล่าวนั้น มีน้ำหนักมากเกินกว่าการบรรทุกสินค้าการเกษตร เจ้าหน้าที่จึงติดตามไป พร้อมส่งสัญญาณเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจสอบ เมื่อคนขับเห็นเจ้าหน้าที่แทนที่จะหยุด แต่กลับไม่ยอม พร้อมกับเร่งเครื่องขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

เจ้าหน้าที่จึงขับรถติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จนกระทั่งเข้าเขต อ.ไทรโยค พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี จึงประสานไปยัง พ.ต.อ.ภุชงค์ ณรงค์อินทร์ ผกก.สภ.ไทรโยค นายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค รวมทั้งเจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.ที่136 และเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ช่วยกันสกัดจับรถกระบะคันดังกล่าว

จนกระทั่งติดตามมาถึงท้องที่หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ชุดติดตามจึงตัดสินใจขับรถแซงไปขวางด้านหน้าและประกบด้านหลังเอาไว้ เมื่อคนขับรถกระบะคันดังกล่าวเห็นว่า ไม่สามารถหลบหนีไปได้จึงจอดพร้อมเปิดประตูพยายามจะวิ่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้ ทราบชื่อคือนายขจร อายุ 37 ปี ชาว ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

จากการตรวจค้นภายในรถเจ้าหน้าที่ถึงกับต้องตกตะลึง เนื่องจากพบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย นั่งเบียดกันอยู่ภายในห้องโดยสาร รวมทั้งที่กระบะท้ายถูกดัดแปลงด้วยการนำเหล็กมาทำเป็นที่นั่งแบบ 2 ชั้น โดยแรงงานนั่งแออัดอยู่เต็มพื้นที่แบบหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว

จากการตรวจสอบพบมีแรงงานทั้งหมด จำนวน 58 คน เป็นชาย 48 คน หญิง 10 คน หลังจากตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเสร็จเจ้าหน้าที่จึงคุมตัวนายขจร หรือจอน พร้อมแรงงานทั้งหมดไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.ไทรโยค ก่อนที่จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 19.30 น. นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ พ.อ.พงศ์พัฒน์ ห้องสินหลาก ผบ.ร.29/ผบ.หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้ากกล.สุรสีห์ พ.อ.สุรเดช เมฆานุวงศ์ รอง ผบ.ร.29/รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.มนตรี แตงโต ผกก.สภ.ทองผาภูมิ

นายวัลลภ จินดา ปลัดอำเภอทองผาภูมิ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยว่าจะเป็นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายหลบซ่อนตัวอยู่ภายในป่าท้องที่บ้านขนุนคี่ หมู่ 4 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ หลังจากได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่จึงสนธิกำลังเดินทางไปตรวจสอบ

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบกลุ่มแรงงานจำนวนมากกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าท่ามกลางความมืด เจ้าหน้าที่จึงปิดล้อมเอาไว้ แต่แรงงานทั้งหมดไม่ได้คิดจะหลบหนีไปไหน เจ้าหน้าที่จึงสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้ทั้งหมด จำนวน 77 คน เป็นชาย 55 คน หญิง 18 คน

นอกจากนี้ ยังมีลูกๆของแรงงานที่พ่อแม่นำพาหลบหนีมาด้วยอีก จำนวน 4 คน หลังจากจับกุมตัวเอาไว้ได้ พ.อ.พงศ์พัฒน์ ห้องสินหลาก ผบ.ร.29/ผบ.หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้ากกล.สุรสีห์ พ.อ.สุรเดช เมฆานุวงศ์ รอง ผบ.ร.29/รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้าฯนำรถบรรทุกยูนิม็อคมารับตัวกลุ่มแรงงานทั้งหมดไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.ทองผาภูมิ

ซึ่งการสอบสวนนั้นค่อนข้างลำบากเนื่องจากแรงงานทั้งหมดไม่สามารถพูดได้จึงไม่เข้าในภาษาไทย เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องจัดหาล่ามมาแปลภาษาด้วยการให้แรงงานทั้งหมดนำบัตรมาแสดง แต่ทุกคนไม่สามารถนำมาแสดงได้เนื่องจากหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต

จากการสอบสวนเบื้องต้น แรงงานต่างด้าวให้การว่า พวกตนหลบหนีภัยจากการสู้รบที่กำลังเกิดขึ้นภายในประเทศเมียนมา ด้วยการเดินลัดเลาะเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี ที่มีชายแดนติดกับกิ่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา เมื่อเข้ามาจึงเดินลัดเลาะไปตามชายป่าเพื่อหลีกเลี่ยงด่านตรวจ

จากนั้นมานายหน้าขับรถมารับแล้วนำพาไปลงเรือที่บริเวณท่าน้ำหลังวัดวังก์วิเวการาม ล่องมาตามอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ มาขึ้นฝั่งที่ท่าน้ำบ้านขนุนคี่ จากนั้นจะมีคนขับรถมารับเพื่อนำพาไปทำงานในพื้นที่จังหวัดชั้นใน เช่น นครปฐม สมุทรสงคราม สมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพฯและจังหวัดทางภาคใต้

โดยจะจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าก็ต่อเมื่อไปถึงสถานที่ทำงานคนละ 16,000-20,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง ระหว่างรอคนมารับก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน หลังจากกลุ่มแรงงานให้การยอมรับสารภาพ

เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” แต่เนื่องจากคดีนี้ไม่มีผู้นำพาเจ้าหน้าที่จึงส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้มเมือง หรือ ตม.คุมขังเอาไว้ก่อนที่จะผลักดันกลับสู่ประเทศต้นทางต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่จับกุมตัวกลุ่มแรงงานต่างด้าว จำนวน 58 รายที่หลบซ่อนตัวมากับกระบะที่มีนายขจร หรือจอน เป็นคนขับและเป็นผู้นำพานั้น ทุกคนได้ยอมรับสารภาพเหมือนกันกับคดีข้างต้น โดยจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อกล่าวหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”เสียก่อน ก่อนที่จะผลักดับกลับสู่ประเทศต้นทาง

ส่วนนายขจร หรือจอน ผู้นำพาที่เป็นชาวไทย จะต้องถูกดำเนินคดีในข้อกล่าวหา “ช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้บุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และเนื่องจากนายขจร มีวิทยุสื่อสารเพื่อติดต่อกับผู้ร่วมขบวนการ จึงถูกดำเนินคดีในข้อหา ใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต”อีก 1 ข้อหา