พ่อร้องสายไหมต้องรอด ลูกสาว 3 ขวบจมน้ำ ระหว่างเรียนว่ายน้ำ ด้านครูปัดลูกไม่จมแค่สำลักน้ำ และไม่ชี้แจงใดๆ โยนความรับผิดชอบกันไปมา จ่ายเพียง 2 พันกับคำขอโทษ
เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2567 ที่สำนักงานสายไหมต้องรอด พ่อของน้องไอริน เด็กหญิงวัย 3 ขวบ เข้าร้องเรียนกับสายไหมต้องรอด โดยเปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ลูกสาวไปเรียนว่ายน้ำ
ซึ่งเป็นวิชาประจำที่ลงไว้ในหลักสูตรของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม โดยสระว่ายน้ำอยู่ในเทศบาลบางเลน วันนั้นมีนักเรียนประมาณ 7-8 คน โดยมีครูสอนแค่คนเดียว และไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้เลยสักชิ้น สระว่ายน้ำดังกล่าวจะแบ่งออกเป็นสระเด็ก และสระผู้ใหญ่ ซึ่งทั้งสองสระอยู่ติดกัน
ขณะที่ครูกำลังดูเด็กคนอื่นอยู่ ลูกสาวของตนได้เดินไปที่สระผู้ใหญ่ โดยที่ไม่มีใครเห็น ก่อนที่จะจม และลอยขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำ ครูจึงรีบเข้าไปทำ CPR พร้อมกับเรียกรถพยาบาลมารับ โดยครูแจ้งว่าลูกสาวของตนสำลักน้ำ ปฏิเสธว่าไม่ได้จมน้ำ
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ลูกสาวของตนต้องพักรักษาตัวที่ห้องฉุกเฉิน 4 วัน เนื่องจากมีภาวะน้ำเต็มปอด และสมองขาดออกซิเจน ในระหว่างที่ลูกสาวพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ตนก็ได้ไปสอบถามความรับผิดชอบ แต่กลับถูกเทศบาล และโรงเรียนโยนความรับผิดชอบกันไปมา
พอไปถามเรื่องกล้องวงจรปิดก็บอกว่ากล้องเสีย ตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายก็เอาแต่เพียงขอโทษ และให้เงินมา 2,000 บาทเท่านั้น
โดยล่าสุด ลูกสาวของตนเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ แต่ยังมีอาการผวาตอนกลางคืน นอนร้องไห้ตลอดเวลา ทำให้ตนรู้สึกเป็นกังวล ว่าลูกสาวจะเป็นคนกลัวน้ำ พร้อมกับฝากคำถามไปถึงครูว่า ทำไมถึงหันหลังให้เด็กอายุ 3 ขวบ คลาดสายตาไปได้ และทำไมถึงไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้ให้เลย
นอกจากนี้ พ่อยังให้ข้อมูลอีกว่า ที่ผ่านมาเคยมีเด็กเล็กหลายคนเจอเรื่องแบบนี้ แต่ทางโรงเรียนและทางเทศบาลพยายามปิดข่าวมาตลอด จนทำให้หลายคนกลัวน้ำ กลัวการว่ายน้ำไปเลย
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า กล้องวงจรปิดของเทศบาลบางเลนที่มีมากกว่า 10 ตัว ทำไมถึงเสียหมด การที่เอาเด็กเล็กไปเรียนว่ายน้ำ ควรมีความปลอดภัยให้มากกว่านั้น