เปิดความแซ่บ ‘แพรวา ณิชาภัทร’ นุ่งบิกินี่ตัวจิ๋วอยู่ริมสระ โพสท่านี้ ทำอึ้งทุกช็อต

โดยสาว “แพรวา ณิชาภัทร” ก็เล่าต่อว่า “ตอนนั้นเราก็ยังอยู่ในอาการช็อกอยู่ พอคุณแม่คุยประมาณนี้เสร็จ หนูก็โอเคเราต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว ตอนนั้นหนูก็บอกกับป๊าม้า ว่าไม่เป็นไร ป๊าม้าเลี้ยงหนูมาแบบ 20 กว่าปี ป๊าม้าทำดีที่สุดแล้ว จากนี้หนูจะเลี้ยงป๊าม้าเองไม่ต้องเป็นห่วงนะ  แล้วป๊าก็เดินมาขอโทษ ลูกป๊ารู้สึกผิด เขาขอโทษที่แบบไม่มีมรดกให้เลย 

จากนั้นเราก็พยายามยอมรับเรื่องนี้ ในอายุ 22 ยังไง ต้องขึ้นเป็นหัวหน้าครอบครัว จะไหวเหรอ จะได้เหรอ แล้วตอนนั้นเราก็ไม่ได้งานเยอะ จะทำได้จริงๆเหรอ แต่ก็ต้องทำ พยายามแพลนทำทุกอย่าง  พอผ่านไป 2 ปี มันมีวันหนึ่งที่หนูทะเลาะกับแม่ มันหนักมากเรื่องการรับงาน เพราะว่าพอเรารู้ว่าเราเป็นเสาหลัก เราอยากทำงานที่ได้เงินคุ้มค่าเหนื่อย แล้วมันมีงานนึงที่ติดต่อเข้ามาแล้วเรารู้ว่ามันมีงานฟรี เรารู้สึกว่า เราทำดีมาตลอด ไม่เห็นได้ดีเลย เราเลยไม่อยากทำงานฟรี เราจะไปทำงานที่เราทำเต็มที่ แล้วเราได้ตังค์

แม่ก็บอกทำไปเถอะลูกความดี ทำให้เราได้ดีเดี๋ยวก็ได้ดี เราก็เถียงว่าทำดีแล้วได้ดีเราไม่เป็นแบบนี้หรอก วันนั้นก็เป็นวันที่ทะเลาะหนัก เหมือนโรคนี้ระเบิดเวลาตู้มออกมาว่าฉันเป็นซึมเศร้า มันมาแล้ว มันแสดงอาการ หนูร้องไห้แล้วหยุดไม่ได้ มันเหมือนรู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีที่ยืนให้เรา เรามันคนอกตัญญู ไร้ค่า เราอยากตายหนีปัญหา ทะเลาะกับแม่จนเกือบจะตัดแม่ลูกเลย อาการตีขึ้นมา หนูพยายามที่จะปรับตัวตรงนี้ เข้าใจเหตุผลทุกอย่างคืออะไร แม่ทำแบบนี้เพราะหวังดี แม่รู้ว่าเราไหว แต่เพียงแค่ว่าเราไม่สามารถอยู่กับความรู้สึกตรงนี้ได้ มันเป็นอะไรก็ไม่รู้

หนูก็เลยไปทำแบบทดสอบซึมเศร้า มันขึ้นมาว่าเป็นแบบปานกลาง ถึงขั้นจะไปหนักเพราะคิดจะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นก็คิดอยู่ว่าจะเอายังไง คือห้องนอนอยู่ชั้น 3 คิดและมองลงไปถ้ากระโดดไม่ตาย 3 ชั้น น่าจะแค่
ขาหัก ถ้ากินยาก็คิดอีกว่าต้องกินกี่เม็ดที่บ้านมีแต่พารา ก็มาคิดจะตายมั้ย หรือว่าจะกินน้ำยาล้างห้องน้ำ ก็มานั่งคิด สุดท้ายก็ลองมากรีดข้อมือง่ายกว่า  สุดท้ายลองเอาตะไบเล็บกรีดข้อมือเป็นรอย แล้วรู้สึกตายไม่ได้ เรามีความรับผิดชอบมากกว่านั้น แต่เราอยู่กับความรู้สึกตรงนี้ไม่ได้เลย เราต้องไปหาหมอแล้ว เพราะไม่ใช่เรื่องปกติที่คนธรรมดาทำได้แล้ว หมอให้ยามากิน จากนั้นกลับไปคุยกับแม่ ความสัมพันธ์ก็ดีขึ้นตอนนี้คุยได้ทุกเรื่องแล้ว”