ทนายไพศาล เปิดปมเงินประกันของ “นายใหม่” ที่ทำไว้ 1.2 ล้านบาท “สาวพร” รู้เรื่องล่วงหน้าก่อน 1 เดือน เชื่อตรงนี้เป็นแรงจูงใจ
เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ สำหรับคดี ช่างกิต หรือ กิตติโชติ วัย 37 ปี ได้ก่อเหตุอุ้มสังหาร นายธนาสันต์ หรือ ใหม่ อายุ 33 ปี หนุ่มโรงงาน ก่อนนำร่างมาทิ้งริมถนนมอเตอร์เวย์ ฉะเชิงเทรา โดยปมเหตุมาจากเรื่องชู้สาว เนื่องจากผู้ก่อเหตุหึงหวง น.ส.พร ทั้งที่เป็นภรรยาของนายใหม่ มา 17 ปี ซึ่งตำรวจจับกุมช่างกิตดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่ น.ส.พร ยอมรับว่าตนเองนอกใจสามีหนุ่มโรงงาน คบชู้กับช่างกิต แถมมีการการคบซ้อนกับผู้ชายอีกหลายคน ทำให้คดีดังกล่าวถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในสังคมออนไลน์
ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2567 แม่และน้องของนายใหม่ ได้เดินทางเข้าพบ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับทรัพย์สินของนายใหม่ ที่ น.ส.พร จะได้รับ โดยจะมีในส่วนของสินสมรส เพราะครอบครัวรับไม่ได้กับพฤติกรรมของน.ส.พร และไม่ต้องการให้ได้รับเงินในส่วนนี้ โดยเงินประกันสังคม เงินประกันชีวิต และเงินจากบริษัท โดยแม่และน.ส.พร ต้องได้คนละครึ่ง รวมถึงกำลังตรวจสอบบัญชีเงินของนายใหม่ด้วย
ขณะที่ น้องสาวนายใหม่ เผยว่า ตอนนี้ทรัพย์สินที่เป็นชื่อของพี่ชาย ไม่ต้องการให้ น.ส.พร ได้ไป ถึงน.ส.จะไม่มีส่วนกับเหตุอุ้มฆ่า แต่ก็ถือว่าเป็นต้นเหตุทั้งหมด เพราะยิ่งขุดก็ยิ่งเจอเรื่องราวและผู้ชายอีกหลายคน
ขณะที่ด้าน ทนายไพศาล เผยว่าสิ่งที่ตนเองตั้งข้อสงสัยก็คือ เงินประกันที่ใหม่ทำไว้ 1.2 ล้านบาท โดยแม่กับพรจะได้รับผลประโยชน์คนละ 600,000 บาท ซึ่งเรื่องประกันนี้ น.ส.พร รู้ก่อนที่ช่างกิตจะฆ่าใหม่เพียง 1 เดือนเท่านั้น ในมุมมองตนสันนิษฐานว่าเป็นแรงจูงใจให้เกิดเหตุนี้ขึ้น และเป็นการก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดหรือไม่ โดยจะคล้ายว่าพรเป็นผู้ใช้ หรือยืมมือกิตก่อเหตุ เพราะ น.ส.พร เล็งเห็นผลว่าหากใหม่เสียชีวิต น.ส.พร จะได้เงินประกันส่วนนี้ หลังจาก น.ส.พร รู้เรื่องประกัน มีการรีบติดต่อมาที่น้องสาวและแม่ให้เซ็นจัดการมรดกทันทีหลังเกิดเหตุ และอยู่ในช่วงวันสวดพระอภิธรรมด้วย
เมื่อถามว่าจะสามารถเอาผิด น.ส.พร ได้หรือไม่ ทนายไพศาล เผยว่า กำลังหาช่องที่เชื่อมโยงไปถึง น.ส.พร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประกันที่ให้ทำทันทีโดยไม่สนใจเรื่องงานศพ มองว่าอาจเป็นการประสงค์ต่อทรัพย์หรือไม่ และมองว่า น.ส.พร อาจเข้าข่าย ม.84 คือเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด หรือไหว้วานให้ผู้อื่นทำ ซึ่งต้องไปพิสูจน์กันที่เจตนา
และสงสัยที่ น.ส.พร บอกว่าออกไปตามหาใหม่โดยถ่ายรูปไว้ ตนมองว่าเป็นการสร้างพยานหลักฐาน แสดงถิ่นที่อยู่ว่าไม่เกี่ยวข้อง และเรื่องที่ น.ส.พร จำเวลาตื่นมาเข้าห้องน้ำได้คือ 22.06 น. เหมือนเป็นการเตรียมการมา รวมถึงเวลาการเข้า-ออกงานของใหม่ ว่าช่างกิตรู้ได้อย่างไร แสดงว่าต้องมีคนในคือ น.ส.พร บอก ซึ่งหากถามช่างกิตแล้วพบว่ารู้ว่าจาก น.ส.พร จะถือว่า น.ส.พร มีความผิดแล้วและมีเรื่องคีย์การ์ดที่บังเอิญหายไปอีก
ทนายไพศาล ยังเผยถึงกรณีมีผู้ร่วมขบวนการอีก 4 คน โดย 3 คนถูกชวนไปธุระ แต่ 1 คนที่ตั้งข้อสงสัยคือโอ๊ต ว่าหลังเฉี่ยวชนแล้วอุ้มขึ้นรถแล้ว ช่างกิตให้ไปขับรถของใหม่ แสดงว่ามีการเตรียมการมาแล้ว ส่วน 3 คนที่เหลือ มองว่ามีความผิดฐานแรกคือเสรีภาพ คือเมื่อเฉี่ยวรถกันล้ม แล้วอุ้มใหม่ขึ้นรถมาทำไมถึงจับพิรุธไม่ได้ หรือไม่ตกใจบ้าง อย่างน้อยต้องแจ้งความ ไม่ใช่ขอกลับบ้านแล้วหายเลย ส่วนเรื่องการมัดมือและเท้า ทนายเชื่อว่าไม่ได้ทำคนเดียวอย่างแน่นอน สุดท้ายต้องเอาคำถาม และหลักฐานทั้งหมด ไปให้กิตดูในเรือนจำ แล้วถามว่าใช่หรือไม่ หากพฤติการณ์ไม่สอดคล้อง ก็จะสามารถเอาผิด น.ส.พร ได้