วันที่ 4 ก.ย.2567 นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมการบริหารจัดการน้ำประจำสัปดาห์ ว่า เดือนก.ย. จะมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าเดือนส.ค. โดยพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางจะได้รับผลกระทบมากกว่าพื้นที่อื่น หลังจากนั้นเดือน ต.ค.-พ.ย. ฝนจะไปตกทางภาคใต้แทน
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในฤดูฝนนี้ อาจจะมีพายุไต้ฝุ่นเข้าไทย 1-2 ลูก ซึ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะวันนี้เกิดพายุโซนร้อน ยางิ (YAGI) ที่ก่อตัวจากประเทศฟิลิปปินส์ บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่น มีแนวโน้มจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จะส่งผลให้ จ.ตราดและจันทบุรี มีฝนตกหนัก ภาคใต้ฝั่งอันดามันจะมีฝนหนักกำลังแรง
ส่วนในวันที่ 6-7 ก.ย. ภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จะได้รับอิทธิพลจากหางพายุยางิ จะมีฝนตกหนัก ต้องเฝ้าระวังในพื้นที่ จ.เชียงราย ลำปาง แพร่ น่าน และสุโขทัย
อย่างไรก็ตาม เขื่อนภูมิพล จ.ตาก ยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 6,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ยังรองรับน้ำได้กว่า 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก ยังรองรับน้ำได้อีก 600 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ ได้มีการวางแผนให้ทุ่งบางระกำ จ.พิษณุโลก เป็นพื้นที่หน่วงน้ำ เตรียมรับน้ำจากแม่น้ำยมได้อีกประมาณ 300 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนพื้นที่บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ เตรียมรับน้ำจากแม่น้ำน่านได้อีก 150 ล้านลูกบาศก์เมตร จะทำให้จ.นครสวรรค์ มีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยจะต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นที่สถานีซี 2 นครสวรรค์ จาก 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 2,200-2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ส่วนการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ที่จ.ชัยนาท จะมีการระบายน้ำอยู่ที่ 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
เลขาธิการ สทนช. กล่าวต่อว่า ในวันที่ 5 ก.ย. จะมีการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำที่จ.พระนครศรีอยุธยา ตามมาตรา 24 ในภาวะวิกฤตระดับที่ 1 โดยจะเชิญจังหวัดที่อยู่ใต้เขื่อนเจ้าพระยาลงมา เข้าร่วมประชุมเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เพราะหากมีการระบายน้ำ 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะส่งผลกระทบต่อประชาชนท้ายเขื่อน