แห่ร่วมอาลัย บำรุง คะโยธา นักต่อสู้อีสาน อดีตแกนนำสมัชชาคนจน เสียชีวิตอย่างสงบ เผยเป็นต้นตำรับสู้เพื่อความเป็นธรรมคนรากหญ้า ภรรยาเผยสามีสู้จนลมหายใจสุดท้าย
วันที่ 25 มิ.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บ้านเลขที่ 103 ม.4 บ้านกุดตาใกล้ ต.สายนาวัง อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ นายบำรุง คะโยธา อดีตแกนนำสมัชชาคนจน ผู้ที่ถือเป็นต้นตำรับนักต่อสู้ เพื่อความเป็นธรรมของคนรากหญ้า และ อดีต นายก อบต.สายนาวัง อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ 2 สมัย
มีเพื่อนบ้าน และเพื่อนๆพี่ๆ น้องๆ รวมทั้งเพื่อนมิตรสหายนักต่อสู้ด้วยกัน ทยอยเดินทางมาร่วมอาลัยนายบำรุงกันต่อเนื่องกันตั้งแต่ช่วงเช้า หลังทราบข่าวการเสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคประจำตัวด้วยวัย 74 ปี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจของญาติพี่น้อง
นางศรีพนม คะโยธา อายุ 65 ปี ภรรยานายบำรุง กล่าวว่า สามีเริ่มป่วยมีอาการท้องอืด และปวดท้องมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา จากนั้นไปตรวจรักษาตัวที่โรงพยาบาลนาคู และส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ตรวจพบก้อนเนื้อในตับ และได้ไปรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น สลับกับโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ โดยรักษาตามอาการ รวมแล้วประมาณ 5 เดือน
กระทั่งมาเสียชีวิต เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา ซึ่งระหว่างการเข้ารักษาตัว และแม้รู้ตัวเองว่ามีก้อนเนื้อในตับ สามีก็ยังทำงานในด้านเกษตรพอเพียง รวมทั้งให้ความช่วยเหลือเป็นปากเสียงเรียกต่อสู้ เพื่อความเป็นธรรมให้กับชาวบ้านมาโดยตลอดจนลมหายใจสุดท้าย
ทั้งเรื่องที่เกษตรกรถูกนายทุนเอารัดเอาเปรียบกดราคาของผลิตทางการเกษตร ต่อสู้คัดค้านการใช้สนามบินเสรีไทยเป็นแปลงปลูกอ้อยของนายทุน เรียกร้องให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วมให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่
นางศรีพนม กล่าวอีกว่า สำหรับกำหนดการงานสวดอภิธรรมนายบำรุง คะโยธา ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 103 ม.4 บ้านกุดตาใกล้ ต.สายนาวัง อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ โดยจะมีพิธีสวดอภิธรรมและพิธีทางศาสนาในวันที่ 24 – 28 มิถุนายน 2567 เวลา 18.00 น.
และจะมีพิธีฌาปณกิจศพในวันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน 2567 ที่สำนักสงฆ์วิสุทธิญาณสุนทร (วัดป่าบ้านกุดตาใกล้) ต.สายนาวัง อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ จากเดิมกำหนดไว้วันที่ 26 มิถุนายน 2567 เพราะต้องรอญาติ และกลุ่มเพื่อนๆที่อยู่ไกลที่จะเดินทางมาร่วมไว้อาลัยด้วย
อย่างไรก็ตามสำหรับเกียรติประวัติและผลงานประกอบด้วย
-ปี พ.ศ. 2522-22526 รวมกลุ่มเกษตรรายย่อยจัดตั้งธนาคารข้าวและเคลื่อนไหวให้มีการจดทะเบียนเป็นกลุ่มเกษตรกร แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ
-ปี พ.ศ. 2524-2526 ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนักวิจัยสนามของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมแห่งสหประชาชาติ
-ปี พ.ศ.2526 เริ่มงานเครือข่ายระดับสากล เดินทางไปร่วมประชุมเครือข่าย ชาวนาเอเชีย ที่ประเทศปากีสถาน
-ปี พ.ศ.2527 เดินทางเข้าร่วมประชุมเรื่องทิศทางพัฒนาที่ทวีปยุโรป
-ปี พ.ศ. 2529-2531 ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมองค์กรพัฒนาเอกชนกลุ่มเพื่อนร่วมงานหรือป๊อป(POP)
-ปี พ.ศ. 2531-2532 เดินทางไปเรียนที่สถาบันชนบทเอเชียที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้ารับการอบรมด้านการเกษตรกรรมธรรมชาติ ให้กับชาวนา
-ปี พ.ศ. 2535 ได้ประกาศก่อตั้งสมัชชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน
-ปี พ.ศ. 2536- 2538 ได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมัชชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน
-ปี พ.ศ. 2536 ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้นำชุมชนดีเด่นจากมูลนิธิอโซกา(ตั้งตามพระนามของพระเจ้าอโศกมหาราช) ประเทศสหรัฐอเมริกา
-ปี พ.ศ.2540 เป็นเจ้าหน้าที่ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ จังหวัดกันดาร ประเทศกัมพูชา
-รับรางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2551
-รับรางวัลผู้นำเกษตรกรก้าวหน้า ระดับประเทศ
-รับรางวัลส่งเสริมสิทธิมนุษยชนดีเด่น