“จักรภพ” แจงนาทีถูก” น็อต วรฤทธิ์” ยั่วเกือบฟิวส์ขาด ลืมอีกฝ่ายเป็นดาราเจ้าบทบาท ชี้ ไม่รู้ว่าใครให้มายั่วหรือเปล่า
กระแสเดือดข้ามคืนจนกลายเป็นไวรัล! หลังจาก “จักรภพ เพ็ญแข” ไปออกรายการ “แฉ” โดยช่วงหนึ่งของรายการมีการโต้ตอบกันอย่างเผ็ดร้อนกับพิธีกร “น็อต วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์” จนดูเหมือนทั้งคู่มีอารมณ์ร่วมอย่างรุนแรง และได้เกิดวลีเด็ดที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ว่า”ไม่ใช่พ่อฮุนเซนนี่ ถ้าเป็นพ่อฮุนเซนเมื่อไหร่ ก็รู้แล้วสิ”

ภายหลัง น็อต วรฤทธิ์ ได้ออกมาโพสต์ในโซเชียลมีเดียถึงเหตุการณ์ในรายการว่า “พยายามจะเป็นมืออาชีพแล้วจริงๆ แต่เลือดเนื้อและหัวใจมันไม่ยอม” กลายเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาร้อนแรงที่ผู้ชมจับตาและพูดถึงกันทั่วโลกออนไลน์

ล่าสุดจักรภพ ได้ไปออกรายการ โหนกระแส พิธีกรก็ได้ถามถึงดรามาดังกล่าว เจ้าตัวเผยว่า เข้าใจในสิ่งที่น็อตถาม แต่อยู่ดีๆ ก็ถามมากลางจังหวะที่อธิบาย เลยไม่รู้ว่าใครสั่งให้มายั่วหรือเปล่า?
“เขายั่วเก่งมากเลย เราก็ลืมไปว่าแกเป็นดาราเจ้าบทบาท ทำถมึงทึง เราก็โมโหตาม เราก็เกือบจะฟิวส์ขาดเหมือนกัน คุณน็อตเขามายั่วผม ผมก็ตั้งใจยั่วกลับ ยั่วเองหรือไม่รู้ว่าใครให้มายั่วหรือเปล่า

ตั้งใจจะมามายั่วผม ขนาดนี้แล้ว ยังนั่งเฉยอยู่ได้เหรอ คนตายตั้งเยอะแยะ ยังรออะไรอีก นี่คืออธิปไตยแล้วนะ ผมอยู่ระหว่างกำลังอธิบาย แนวคิดต่างๆ ยังปรับตัวไม่ทัน มาตะโกนด่ากัน เขาเสียงดังมากเลย เราก็เลยพยามตอบ ประเด็นของมันก็คือว่า เราต้องการจะเป็นอะไรในสายตาของประชาคมระหว่างประเทศ ถ้าเราจะเป็นประเภทแรมโบ้ ก็ชกกันไปเลย ฟาดกลับได้เลย มันไม่ยากนะ หลายรัฐบาล ใช้สงครามกับประเทศอื่น ใช้สร้างความนิยมให้กับตัวเอง มันขึ้นมาไม่รู้เท่าไหร่ มันทำให้เกิดคนตายแบบไม่มีความรับผิดชอบ ทหารก็ตาย พลเรือนตาย นั่นคือความเลวจริงๆ

การที่รัฐบาลหยุดคิด ควรจะได้เครดิตบ้าง การมาหยุดคิดตรงนี้ มันจบลงตรงที่ มารบกับคนที่ไม่ได้คิดถึงชีวิตคน อันนี้ใช้หลักเดิมไม่ได้แล้ว จะมาให้เหตุผล เพราะฉะนั้นจากนี้ไป
มันต้องไม่เหมือนเดิม
แต่จุดที่เราคุยกันเมื่อวาน มันเป็นจุดที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ และการปรับนโยบาย ยังอยู่ระหว่างการคุยกัน ก็ใช้เวลาเป็นหลักชั่วโมง ในการสรุป เผอิญคุณน็อตเข้ามาตรงกลางก่อน
ก็เลยต้องบู๊กันนิดนึง

แต่ผมเข้าใจนะว่าแกถามจากความรู้สึกจริงๆ เมื่อคนตายแบบนี้ ต้องรออีกเหรอ เราไม่ฟาดกลับเหรอ วันนี้ผมจะตอบกลับตามที่คุณหมวยถาม ฟาดกลับได้ทันที ถ้าไม่คิดถึงผลกระทบต่อชื่อเสียงประเทศที่จะตามมา ถ้าเราคิดถึงชื่อเสียงประเทศ และถ้าอยากให้ประเทศชนะในครั้งนี้ แล้วชนะต่อไปด้วย และชนะอย่างถาวร เราต้องหยุดคิด เราต้องประเมินสถานการณ์ และโต้ตอบแบบได้สัดส่วน”
