หนุ่มเจ้าของร้านจิวเวลรี่แจ้งความแล้ว จอดรถตรงช่องกลับถูกด่ากราด ไม่หวั่นแม้คู่กรณีเป็นทนาย ขอดำเนินคดีถึงที่สุด
จากกรณีคลิปไวรัลในโลกออนไลน์ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2568 นายอาทิชา อายุ 37 ซึ่งเป็นเจ้าของร้านจิวเวลรี่ ได้โพสต์ข้อความและคลิปเหตุการณ์ ผ่านเฟซบุ๊ก Aticha Thangklang หลังจอดรถตรงช่องในซอง แต่ถูกชายสูงวัยหัวร้อนด่ากราดด้วยถ้อยคำหยาบคาย เพราะคันอื่นจอดไม่ตรง ลั่น ตรรกะอะไร ? วะเนี่ย ? แล้วผมก็ยืนฟังมันด่าอย่าง สุภาพด้วยนะ 555 รายละเอียดในคอมเมนต์ ระบุว่า

ถ้าใครได้ดูคลิบนี้จนจบ ฝากนะครับ ผมไม่รู้จักชายหญิง ดังปรากฎในคลิบนี้รวมถึงบุคคลอื่นๆ เหตุเกิด เมื่อ 22/6/68 เวลาประมาณ 20.00 น. ณ ร้านอาหารร้านดังร้านหนึ่งย่านถนนสามัคคี นนทบุรี ผมถึงร้านและเข้าจอดปกติโดยมีพนักงาน อำนวยความสะดวกด้วยการโบกรถให้ อย่างปกติ

ผ่านไป น่าจะ 10-15 นาที มีประกาศจากพนักงานประมาณว่า … รถทะเบียน xx-600 อยู่ไหมคะ ผมจึงแสดงตนครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ … น้องพนักงานตอบว่าเชิญที่รถค่ะ ผมจึงเดินตามไป และ พบกลุ่มคน ดังปรากฎในคลิบวิดิโอนี้ .. ผมก็ งงๆ และสงสัยว่า มีอะไรไหม รถเราปกติไหม ไม่ทันได้เจรจา ก็ตามในคลิบเลยครับ คุณลุงก็เหรี้ยวหราด ทันที
มีจังหวะเดินเข้าไปเหมือนหยิบบางสิ่ง คล้ายอาวุธ ยึกๆ ยักๆ ทรงประมาณ กูจะยิมมมนะ … อันนี้เดี๋ยวขอไปดูกล้องที่ร้านอาหารอีกที ว่าอีกมุมเห็นชัดไหมว่าอะไร ถ้าอาวุธก็เห้ยแมนใช้ได้ แต่ถ้า ถือลมนี่ฮาเลยนะ555
ปล. แรกๆ เมียแกก็ตามคลิบครับ พอผมเข้ารถ แกขอ บอกพี่มีลูกอีกคนในรถ ขอนะ ๆ

การที่คนเราทำผิด จนคิดว่าแม่งถูก มันจะกัดกินสังคมเราไปเรื่อยๆ วันนึงถ้าคนยอม เห็นคนผ่าไฟแดง แล้วบอกแม่งก็ผ่าเหมือนๆ กันมึงก็ตามๆ มันไปดิ เป็นเรื่องปกติ ผมว่าผมจอดในช่องจอดปกติ ไอ้ลุงนี่จอดเอียงทับเส้น …
ไม่พูดจาดีๆ ด้วยนะ กรูเดินไปถึงด่ากูยับเลย 55 ด่าสะกูไม่ได้หายใจเลย

ถ้าจะมีอะไรที่เป็นอันตาายก็คือ ช็อตสุดท้าย ก่อนเมียแกบอกว่า “สงสารพี่ ๆ ” คือลุงเข้ารถไปเอื้อมหยิบอะไรไม่รู้ พาดหลัง ทำทรง “มีของ ” แต่ผมเฉยๆนะ เพราะคาดเดาว่าน่าจะมีแค่ท่าแอคๆ

ล่าสุดเพจ อรรถรส อัปเดตว่า นายอาทิชา ตัดสินใจเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ในข้อหา ดูหมิ่นซึ่งหน้า แม้ภายหลังจะทราบว่าคู่กรณีเป็น “ทนายความ” แต่ก็ยังยืนยันว่าจะดำเนินการตามสิทธิของตนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

เนื่องจาก หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ที่นายอาทิชาได้นำคลิปมาเปิดให้ครอบครัวและลูกน้องดู ทุกคนต่างรู้สึกกังวลถึงความปลอดภัย เพราะลักษณะท่าทางของคู่กรณีดูเหมือนพยายามจะคุกคาม แม้เขาจะบอกว่า “หากอีกฝ่ายพูดดี ๆ ขอให้ช่วยขยับรถก็พร้อมทำให้” แต่กลับเลือกใช้การด่าทอแทน
