ใครจะคิด เจอกันใหม่ๆ “ทิดแย้ม” เคยดุด่าว่ากล่าว “หมอเตย” ก่อนเจอคำพูดประโยคเดียว กลายเป็นรักและเอ็นดู ไว้ใจทันที
กองบังคับการปราบปราม นำโดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว แถลงความคืบหน้าคดีอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยักยอกเงินวัด โดยในรายการโหนกระแส ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม ร่วมพูดคุยโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงจาก บก.ป. และ ป.ป.ท. ซึ่งยืนยันว่าผู้มีบทบาทสำคัญในวัดอย่าง “หมอเตย” แท้จริงเป็นหมอดูร่างทรง ไม่ใช่แพทย์ และมีอิทธิพลต่อการบริหารวัดอย่างชัดเจน
จากการตรวจสอบพบว่า หมอเตยและสามีซึ่งเป็นข้าราชการทหารเรือ มีทรัพย์สินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ทั้งในรูปแบบที่ดิน รีสอร์ท คาเฟ่ในหลายจังหวัด รวมถึงธุรกิจค่ายเพลง โดยเจ้าหน้าที่กำลังประสาน ปปง. ตรวจสอบแหล่งที่มาทรัพย์ว่าได้มาโดยถูกต้องหรือไม่ พร้อมทั้งพิจารณาความเชื่อมโยงกับอดีตเจ้าอาวาส “ทิดแย้ม” ที่เชื่อว่ามีความใกล้ชิดในระดับสูง
นอกจากนี้ยังมีประเด็นน่าสงสัยเกี่ยวกับร้านค้าสวัสดิการในวัด ซึ่งมีผู้ร้องเรียนว่าเมื่อสแกนจ่ายเงินค่ากาแฟ ชื่อบัญชีรับเงินกลับเป็นชื่อบุคคล ไม่ใช่ชื่อวัด ซึ่งอาจสะท้อนถึงการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวโดยแอบแฝงอยู่ในระบบของวัด ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อหาตัวผู้เกี่ยวข้องและเจตนาที่แท้จริง
อีกทั้งจากการสืบสวนพบว่า ในช่วงแรกอดีตเจ้าอาวาสเคย ดุด่าว่ากล่าวหมอเตย แต่หลังจากนั้นพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยหมอเตยเข้าหาด้วยการ เขียนหนังสือเกี่ยวกับพรหมลิขิต และกล่าวอ้างถึง “อดีตชาติว่าเคยเป็นพี่น้องกัน” จนทำให้ทิดแย้ม หลงเชื่อและไว้วางใจอย่างสูง ขนาดที่ว่า ทิดแย้มถึงขั้นสนับสนุนให้หมอเตยทำเพลงเพื่อใช้ในกิจกรรมวัด และเปิดทางให้มีบทบาทอย่างเต็มที่ในงานต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ได้จากการสืบสวนยังพบว่า หมอเตยและสามีเข้าออกกุฏิอดีตเจ้าอาวาสเป็นประจำ และที่สำคัญคือ พบ เงินหมุนเวียนในบัญชีที่เกี่ยวข้องสูงกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการขยายผลเชิงลึกเพิ่มเติม โดยจะตรวจสอบความเกี่ยวข้องของหมอเตย สามี และบุคคลอื่นที่อาจมีส่วนพัวพันกับเงินวัดและทรัพย์สินที่ได้มาอย่างผิดปกติ
