จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ นายเอ (นามสมมุติ) วัย 39 ปี อดีตผู้จัดการโรงงานน้ำแข็งแห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมืองนนทบุรี ได้ออกมาร้องเรียนต่อสื่อว่าโรงงานผลิตน้ำแข็งของพ่อมีการลักลอบแอบพ่วงไฟฟ้าหลวงมาใช้ในการผลิตน้ำแข็งออกขาย ทำให้ตัดสินใจขอลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการโรงงานน้ำแข็งดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะมีความผิดไปด้วย
ล่าสุดมีรายงานว่า ได้มีการเดินทางเข้าพบ เสี่ยเจ้าของโรงน้ำแข็ง พร้อมลูกชาย นายต้น อายุ 31 ปี และนายต่อ อายุ 29 ปี เพื่อสอบถามถึงกรณีที่ นายแอล พี่ชายคนโตให้ข่าวกรณีที่โรงงานแอบลักลอบใช้ไฟหลวง พร้อมทั้งเปิดเผยถึงสาเหตุที่พี่ชายนำเรื่องดังกล่าวมาเปิดเผยว่าน่าจะเกิดจากปัญหาเรื่องมรดกของพ่อ และได้มอบหลักฐานที่เป็นคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน
ซึ่งคลิปวิดีโอเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อวันที่ 17 ส.ค.66 หลังได้รับเรื่องร้องเรียนได้มีการนำเจ้าหน้าที่มาตรวจหม้อไฟ แต่ไม่พบความผิด
นายต่อ อายุ 29 ปี กล่าวว่า จากการที่พี่ให้ข่าวว่าพ่อมีการแอบลักลอบใช้ไฟหลวงนั้นมันไม่เป็นความจริง เพราะทางการไฟฟ้าจะมีการตรวจประจำปีทุกครั้ง และหม้อไฟปัจจุบันเป็นระบบดิจิตอล ถ้ามีการแอบลักไฟหลวงใช้ทางการไฟฟ้าต้องตรวจเจอและดำเนินคดีกับโรงงานไปแล้ว
ส่วนสาเหตุที่พี่ชายให้ข่าวไปแบบนั้น น่าจะน้อยใจทางพ่อและครอบครัว เรื่องการบริหารทรัพย์สินในโรงน้ำแข็ง ซึ่งตนเข้ามาดูแลภายหลังแล้ว ซึ่งเขาบริหารอยู่ก่อนทั้งหมด พอพี่ชายลาออกไปพ่อได้เรียกทรัพย์สินที่เป็นชื่อเขาคืนกลับมาทั้งหมด เพื่อให้การจัดการเป็นไปได้สะดวกขึ้นกับโรงงาน
ตนคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องนี้ที่พี่เขาน้อยใจพ่อ ตอนนี้ตนและพี่ต้น รู้สึกเสียใจเพราะเราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ตนแค่อยากปกป้องพ่อ อยากให้พี่ชายพอแค่นี้ ต่างคนต่างอยู่ ต่างทำมาหากินไม่ต้องมาให้ข่าวให้เสียหาย ตอนนี้ตนทั้งสองอยากปกป้องพ่อเพราะพี่ชายนำเรื่องไม่จริงมาพูด ตนทั้งสองจะดำเนินคดีกับพี่ชายตามกฏหมาย
เบื้องต้นทั้งสองพี่น้องอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อให้ทนายความยื่นฟ้องดำเนินคดีกับพี่ชายเรื่องข้อมูลเท็จ