“แซ็ค ชุมแพ” โดนเม้าท์เป็นนักร้องขาลง หนักสุดให้เพื่อนยืมเงิน 10 ล้าน เหนื่อยทวงคืน สุดท้ายเสียทั้งเงิน เสียทั้งเพื่อน
ทำเอาแฟนคลับตกใจอย่างมาก เพราะเชื่อว่าน้อยคนจะรู้ว่า “แซ็ค ชุมแพ” นักร้องลูกทุ่งอินดี้ชื่อดัง โดนเม้าท์เป็นนักร้องขาลง เพลงไม่ดังเหมือนเก่า แถมยังหลงแสงสี และให้เพื่อนยืม สูญเงินกว่า 10 ล้านบาท สุดท้ายเสียทั้งเงิน เสียทั้งเพื่อน ผ่านทางรายการ “คุยแซ่บ Show” ซึ่งคราวนี้มี หนิง ปณิตา , เบนซ์ พรชิตา และอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
โดย “แซ็ค ชุมแพ” เริ่มเล่าปัญหาที่รุมเร้าอยู่ตอนนี้ว่า เพลงใหม่เพิ่งจะลงใน YouTube ไป 3-4 วัน แต่ตอนนี้ปลิวไปแล้ว เพราะช่องโดนแฮก ก็ไม่รู้ว่าจะแฮกไปทำไมช่องผู้ติดตามน้อย เปิดรายได้ก็ยังไม่ได้ ซึ่งตอนนี้ให้ทีมงานทำอยู่ครับ แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า
“อยากจะบอกกับคนที่เอาของเธอไปว่ายังไงบ้าง สงสารผมเถอะครับ เพราะว่าหลังจากที่ผมปล่อยเพลง “คำแพง” ไป เมื่อ 2559 หลังจากนั้นที่ปล่อยออกมามันก็ไม่ดังเลย ยังจะมายึดช่องผมอีกเหรอ สงสารผมเถอะครับ ผมไม่อยากเอาแค่เพลง “คำแพง” หากิน”
ก่อนจะ “แซ็ค ชุมแพ” จะเล่าให้ฟังอีกว่า ทุกันนี้ก็ทำอยู่ แต่ว่ามันไม่ค่อยดัง ทุกคนก็เลยไม่รู้ ถ้าถามว่ากดดันไหม มันก็กดดัน เพราะว่าเราทำงานหว่านพืชมันก็ต้องหวังผลสักนิดนึง แต่ถ้ามันไม่สำเร็จเมล็ดผลที่เราหว่านไปไม่งอกงามก็ไม่เป็นไร เราก็ทำใหม่
“มันปัจจัยหลายอย่างเพราะว่า ช่วงที่ผ่านมาผมทำผลงานเพลงไม่คล้ายกับผลงาน “คำแพง” เลย เพราะว่าเราอยากให้มันแตกต่างจากคำแพง แตกต่างจากแซ็ค ชุมแพ ก็เลยเอาเพลงที่แตกต่างจาก แซ็ค ชุมแพ มาทำ ซึ่งมันไม่ตอบโจทย์ และไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไร”
ก่อนที่ “แซ็ค ชุมแพ” จะอธิบายในประเด็นที่ว่า ใช้เงินเก่ง – ใช้เงินมือเติบ ว่า มีบ้าง ตนเกิดมาจากติดลบมากกว่า ตอนสมัยทำงานเฟอร์นิเจอร์กับคุณพ่อ ได้เงินวันละ 50 บาทวันละ 100 เดือนนึงก็ไม่ถึง 8 – 9 พัน ซึ่งข้อมูลที่ว่าใช้เงิน 5 เดือน หมดไป 2 ล้าน แต่ ก็ไม่ได้ใช้เองหมด แต่ว่าช่วงที่มาเป็นศิลปินไม่เคยได้เงินเยอะขนาดนี้ เดือนแรกเลยบริษัทตัดยอด 17 วัน 3 แสนกว่า เราไม่เคยได้เงินเยอะขนาดนี้ ใครยืม เราให้ยืมหมด เพื่อนไม่มีเงินค่าหอ เราให้ยืมก่อน
“จริงๆ หมดไปกับการให้คนอื่นยืม และส่วนมากจะไม่ได้คืน ซึ่งช่วงแรกทวง แต่ช่วงหลังๆ ไม่ได้ทวงแล้ว กลับชุมแพเพื่อนก็ไม่ได้มาหาแล้ว ไม่อยากทวงผ่านรายการ พูดไปก็น่าจะรู้แล้ว ซึ่งคนมายืม อย่างแรกที่ผมให้คือเป็นเพื่อน ที่สมัยก่อนผมไม่มีอะไรผมก็ไปอาศัยเขา ไปนอนบ้านเขาใช้เงินกับคุณพ่อคุณแม่เขา พอมีโอกาสอย่างน้อยเราได้ 15 วันนี้ได้ 300,000 อีก 15 วันต้องได้อีก มึงเอาไปก่อน”
“แซ็ค ชุมแพ” เล่าต่อไปว่า อันนี้เพื่อนนอกวงการ แต่เพื่อนในวงการที่ไม่สนิทกันแซ็คก็ให้ ซึ่งก็มีบ้างเป็นบางคนมากกว่า จะเลือกให้ถ้าเป็นเพื่อนในวงการ เรื่องปฏิเสธนั้นน้อยมาก ที่ปฏิเสธส่วนใหญ่เพราะให้ไปเยอะแล้ว ซึ่งถ้าเป็นวง เราอยู่ด้วยกันมาสร้างกันมา ต้องพูดว่า ซัพพอร์ตให้เขาดีกว่า
“ถ้าถามว่าให้เยอะสุดเท่าไร .. อันนี้ยากครับเพราะผมให้ตลอด ในเวลา 3-4 ปี เหมือนเรารู้อยู่แล้วว่า เดือนนี้เขาทำงานกับเราเขาจะได้เท่าไร เราจะสามารถหักตังค์เขาได้เท่าไร ด้วยตัวเราเองเคยลำบากมาก่อน เรารู้ว่ามันทรมานแค่ไหนเราเลยให้เขา ซึ่งย้อนไปสมัยก่อน อย่างแม่ไปยืมคนอื่น คิดเห็นในความรู้สึกแบบนั้นมากกว่า”
“แซ็ค ชุมแพ” บอกว่า ถ้าตัวเองไม่มีเงินแล้วมีคนมาขอยืม หลักๆ เงินก็อยู่ที่แม่ ก็ต้องไปเอากับแม่แล้วเอามาให้เขายืม ก็ใช้คำว่ายืมเงินตัวเองนี่แหละมาให้เขา ซึ่งก็ต้องโกหกคุณแม่ครับ เพราะว่าถ้าเงินผมหมด แม่จะไม่ให้เลย เพราะช่วงหลังๆ แม่รู้ว่าผมเอาเงินไปใช้สุรุ่ยสุร่าย เอาไปให้เขายืม ถ้าถามว่าหมดไปเท่าไร?… ราวๆ เกือบ 4 ปีเกือบ 10 ล้าน ผมใช้เงินโดยที่ไม่รู้อะไรเลย”
“แซ็ค ชุมแพ” บอกอีกว่า เหตุผลที่รู้ตัวเลขว่าให้ไป 10,000,000 เพราะแม่เขียนไว้ให้หมดเลย สุดท้ายได้บทเรียนว่า ก่อนจะโควิดแม่ก็มาคุยเปิดใจคุยกัน แม่บอกว่ามึงต้องมีอนาคตนะ ต่อไปจะมีเมีย มีครอบครัว จะให้แม่มาดูแลทุกฝีก้าวคงจะไม่ได้ มึงต้องเป็นผู้นำเอง แม่พูดให้ผมคิด
พร้อมกันนี้ “แซ็ค ชุมแพ” ยังบอกอีกว่า เหตุผลที่ไม่รู้จักปฏิเสธ เพราะถ้าย้อนกลับไปผมจะไม่ให้ยืม ช่วงที่เขายืมเขารู้อยู่แล้วว่าเรามีเงิน ซึ่งวันที่เรารู้ตัวเลขว่ามัน 10,000,000 เรารู้สึกแรกจริงเหรอวะ กูหาเงินได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ แม่ก็บอกว่ากูไม่รู้ว่ามึงหาเงินได้เยอะแต่ยอดมันมีเท่านี้ มึงคิดยังไงกับเงินที่สูญเสียไป จะให้ทำยังไงมันไปแล้ว
“10 ล้านบาทเป็นยอดที่ไม่ได้คืน ผมสูญเสียเงินและสูญเสียเพื่อนทุกคนด้วย แต่เสียดายความรู้สึกมากกว่า ผมเป็นคนที่เทคแคร์มากกับเรื่องมิตรภาพ ผมเป็นคนที่ถ้ามีเงิน ผมจะวิ่งไปหาคนนั้น คนนี้ เรามีเงินนะ มาหากูดิ มาปรึกษากูดิ ก็บอกแม่ ญาติๆ ทุกคน อันไหนที่มันไม่หนักหนา ไม่เป็นทุกข์ต่อเรามากเดินไปให้เขาไปเถอะ เดี๋ยวผมหาได้”
“แซ็ค ชุมแพ” ยังเล่าอีกว่า ถามว่าเจ็บใจไหม ก็เจ็บ เพราะทุกคนเป็นคนใกล้ตัวหมดเลย แต่เวลาไปตามทวง คือเขาไม่อยู่แล้วครับ คือตอนนั้นที่เห็นตัวเลข บางคนเขาก็ทยอยออกไปเปิดธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ใครที่ยืมเงินแซ็คไปแล้วมีเจตนาจะไม่คืน ทำธุรกิจส่วนใหญ่ไปไม่รอดสักราย ซึ่งอันนี้เกือบจะทุกคน ไม่ถึงปีทุกคน
“ผมเชื่อเรื่องเวรกรรม ผมเชื่อในกฎแห่งกรรมมาก พอเขาออกไปทำเองแล้วเจ๊ง เขาเดินกลับมาหาเราทุกคนครับ แต่พักหลังไม่เอาแล้ว ผมเป็นคนที่รักแล้วก็รักเลย ใครทำให้ความรู้สึกผมเป็นอย่างนี้ มันไม่ใช่ ผมจะตัดขาดเลย ถ้าถามว่า แค้นไหม มันจุกมากกว่าครับ ผมไม่ค่อยอยากพูด เพราะมันคือทีม และเป็นญาติๆ กันหมด”