แก๊งบุกรุกบ้านอากู๋ อ่วม3ข้อหาหนัก แถมโดนเรียกค่าเสียหาย3 แสน พร้อมค่าเช่าย้อนหลังเดือนละ 20,000 บาท ย้อนหลัง 6 ปี
เกาะติดความคืบหน้าคดีครอบครองปรปักษ์ ซึ่งในวันที่ 6 มี.ค.67 อัยการได้ สั่งฟ้อง “แก๊งบุกรุกบ้านอากู๋” 3 ข้อหา โดย นางสาวศรีพรรณ สามัคคี และกลุ่มผู้ต้องหาคดีบุกรุกบ้านครอบครองบ้านปรปักษ์ บ้านของอากู๋ รวม 4 คน พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ ภู่นาค ทนายความ เดินทางเข้าพบ นายอานนท์ จิตตกูล อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญามีนบุรี 1 ตามกำหนดนัดฟังคำสั่งในคดีบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์-ลักทรัพย์
นายอานนท์ จิตตกูล อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญามีนบุรี 1 กล่าวว่า หลังรับตัวผู้ต้องหาแล้ว คณะพนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาในความผิดฐานบุกรุก,ทำให้เสียทรัพย์ และลักทรัพย์ ตามที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาไว้ เนื่องจากได้พิจารณาประกอบพยานหลักฐานแล้วพบว่ามีมูล โดยสัปดาห์ก่อน พนักงานสอบสวนได้ทำเรื่องแจ้งเข้ามาว่ามี น.ส.ภาณุมาศ หนึ่งในผู้ต้องหาได้เสียชีวิตลง ก็สั่งยุติคดีไป ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 4 รายก็จะนำตัวส่งฟ้องต่อศาลอาญามีนบุรีในวันนี้ทันที
ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาตั้งแต่ในชั้นสอบสวน ขณะที่ชั้นอัยการ ผู้ต้องหาไม่ได้มีข้อร้องขอความเป็นธรรมใดๆ ทั้งยังมีความพยายามจะขอเจรจากับคู่กรณีด้วย แต่ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้มาพูดคุยกัน อย่างไรก็ตาม หากบ้านของคู่กรณีได้รับความเสียหายจากการบุกรุกก็สามารถร้องขอค่าชดเชยทางแพ่งได้
ขณะที่ น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ทนายความฝ่ายผู้เสียหาย เปิดเผยว่า จนถึงตอนนี้คู่กรณีรวมถึงทนายความ ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามาพูดคุยกับลูกความอย่างเป็นทางการ แม้ที่ผ่านมา ได้แสดงความประสงค์ที่จะเข้ามาเจรจา แต่ในเมื่อคดีถึงชั้นศาลแล้วก็ให้มาพูดคุยกันที่ศาล
ซึ่งวันนี้อัยการได้นัดส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดในคดีบุกรุก ส่วนขั้นตอนผู้ต้องหาหรือขณะนี้มีสถานะเป็นจำเลยแล้ว ต้องยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ในการประกันตัวต่อศาล
ซึ่งลูกความจะเรียกร้องค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นเงิน 3 แสนบาท และเรียกเก็บค่าเช่า เดือนละ 20,000 บาท ย้อนหลัง 6 ปีตามที่มีหลักฐาน รวม
ส่วนสำนวนคดีที่ 2 ที่มีการแจ้งความ น.ส.ศรีพรรณ ในคดีบุกรุก พนักงานสอบสวน สน.โคกคราม ยังคงสอบสวนอยู่ และคดีฟ้องครอบครองปรปักษ์ ทราบว่า น.ส.ศรีพรรณ ได้ยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อถอนการครอบครองแล้ว แต่ศาลยังไม่มีคำสั่งถอนคำร้อง จึงต้องรอนัดหมายอีกครั้งวันที่ 18 มี.ค.นี้
ทนายกุ้ง กล่าวอีกว่า ยังคงยืนยันว่าหากเปลี่ยนตัวทนายวัฒนา เรืองแก้ว ทนายฝั่งคู่กรณี ตามข้อตกลงของอากู๋ ก็จะเจรจากันได้ง่ายขึ้น แต่จนขณะนี้เจ้าตัวไม่เคยติดต่อเข้ามาพูดคุย