5 ธ.ค. 2566 น.ส.เอ (นามสมมุติ) ร้องขอความช่วยเหลือไปยัง เพจสายไหมต้องรอด ว่าถูกอดีตสามี หลอกให้ไปจดทะเบียนหย่า และยังถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ โดยน.ส.เอ (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า ตนกับ อดีตสามี คบหากันเป็นเวลานานกว่า 5 ปี จนกระทั่งปี 2564 ตัดสินใจจดทะเบียนสมรส โดยระหว่างคบหากันกับอดีตสามี มีเรื่องทะเลาะกันบ้าง
โดยก่อนหน้าที่จะไปหย่า อดีตสามีอ้างเหตุผลว่าจะไปหางานทำที่อื่น จำเป็นต้องหย่ากันก่อน แต่ถ้าตนไม่ยอมหย่า ก็จะต้องฟ้อง ต้องไปขึ้นศาล ขณะเดียวกัน ตัวอดีตสามีก็ไม่เคยมีเรื่องนอกใจ ทำให้เข้าใจว่าจำเป็นต้องไปทำงานที่อื่นจริงๆ อีกทั้งถึงหย่าไปแล้ว ก็ยังอยู่ด้วยกันจึงยอมไปหย่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา
น.ส.เอ (นามสมมุติ) ยังเล่าอีกว่า หลังจากเซ็นหย่าได้เพียง 1 วัน ขณะที่ตนไปหาเพื่อนรุ่นน้อง ที่แถวเขื่อนบางขาม จ.ลพบุรี ก็ได้เจออดีตสามีที่เขื่อน พาผู้หญิงคนใหม่ไปเที่ยว เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงรู้สึกโกรธ จึงจะเข้าไปทำร้ายผู้หญิงคนใหม่ของอดีตสามี ทำให้อดีตสามีโกรธมาก เข้ามาทำร้ายร่างกายตน ก่อนที่อดีตสามีจะไปหยิบมีดอีโต้มาฟันคอตน น.ส.เอ แต่โชคดีที่หลบทัน และมีดไม่คม จึงเป็นแผลถลอก แต่อีกฝ่ายกลับยังพยายามง้างมีดจะฟันซ้ำ โชคดีมีคนเข้ามาห้ามดึงมีดออก หลังจากนั้นอดีตสามีมีการข่มขู่ว่า หากตนมีแฟนใหม่ ก็จะมาทำร้าย ให้เหมือนกับที่ตนทำร้ายผู้หญิงคนใหม่ของอดีตสามี
จึงไปแจ้งความไว้ที่ สภ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี แต่เจ้าที่ตำรวจยังไม่ได้เรียกอดีตสามีเข้ามาพูดคุยหรือแจ้งข้อหา ตนกลัวคดีไม่คืบหน้า จึงมาร้องที่เพจสายไหมต้องรอด
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า จะประสานผู้กำกับการ สภ.บ้านหมี่ ให้นำตัวฝ่ายชายมาดำเนินคดี เพราะเป็นพฤติกรรมอันตราย การเอามีดฟันคอ แม้จะไม่สาหัสและยังมีความพยายามจะฟันซ้ำ เป็นเรื่องพยายามฆ่า ไม่ใช่แค่ทำร้ายร่างกาย เป็นความรุนแรง ไม่ปลอดภัย หากฝ่ายชายกลับมาก่อเหตุซ้ำอาจเกิดความสูญเสีย รวมถึงจะขอให้ตำรวจตรวจสารเสพติดในร่างกายด้วย
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามฝ่ายอดีตสามี ยอมรับว่าทำร้ายร่างกายตบตีอดีตภรรยาจริง แต่อ้างว่าไม่ได้ฟันคอ เพียงหยิบมีดมาข่มขู่เฉยๆ ส่วนหญิงที่พามาด้วยก็ไม่ได้เป็นแฟนใหม่ แต่เป็นญาติกัน