เรียกได้ว่า เป็นนักร้องสาวสวย อย่าง มีนตรา อินทิรา ที่หลายคนๆคงรู้ว่า ก่อนหน้านั้นเคยมีประเด็นเรื่องชุดและโดนดราม่ามาเยอะมาก ล่าสุดมีนตรา ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้ ที่เปิดตัวรายการใหม่ เบิ้ล AM กับบทบาทพิธีกรครั้งแรกของ เบิ้ล ปทุมราช นั่นเอง
เบิ้ล : ผมจะเห็นภาพจำของมีนตราคือตอนไปประกวดเดอะวอยซ์ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้เซ็นส์สัญญาเป็นศิลปิน ?
มีนตรา : ใช่ค่ะ เดอะวอยซ์มีนไปออกมา 2 รอบ รอบแรกคือตอนไปประกวดผมยังสั้นๆ อยู่เลยค่ะก็เข้ารอบไปแต่ไม่ได้เข้าชิงอะไร เราก็เดินตามความฝันของตัวเองไปเรื่อยๆ จนได้เป็นศิลปินแกรมมี่โกลด์ แล้วก็ได้กลับไปอีกครั้งหนึ่งในฐานะศิลปิน ซึ่งการกลับไปในครั้งนั้นทำให้คนได้เห็นมากขึ้น แล้วเนื้อเพลงมันก็เป็นไวรัลในติ๊กต๊อก ซึ่งจริงๆเพลงห้ามตั๋วปล่อยมาแล้วปีหนึ่งได้
เบิ้ล : มีช่วงหนึ่งที่เป็นไวรัลมากก็คือการแต่งตัวของคุณ และก็มีดราม่าว่าแต่งตัวไม่เหมาะสม รู้สึกยังไง ?
มีนตรา : ตอนแรกๆเลยที่เรื่องเพิ่งเกิดด้วยความที่มันเป็นความใหม่กับกระแสนี้ เพราะปกติแล้วเวลาคนจะพูดถึงมีนตราก็จะพูดถึงเรื่องเสียง การใช้ชีวิต แต่พอมาเป็นเรื่องการแต่งตัว มีนก็เลยตกใจในตอนแรก คือมีนหรือสึกว่าตัวเองเป็นคนหนึ่งที่ค่อนข้างแฟร์มากๆ อะไรถูกอะไรผิดมีนรับฟัง อะไรผิดมีนขอโทษ เข้าใจ อะไรที่ดีและเวิร์คเรานำมาปรับใช้ในตัวเอง มันจะมีบางคอมเมนต์ที่มันล้ำเส้นเกินไป ขอพูดถึงดราม่าครั้งนั้นมันจะมีช่วงที่มีนโตขึ้น
เรื่องแฟชั่นในการแต่งตัวมันก็อัพเกรดไปเรื่อยๆ ในสไตล์ของเรา ชุดที่ดราม่ามันจะเป็นชุดซีทรูมันจะปิดช่วงอกนิดหนึ่งแล้วที่เหลือจะเป็นซีทรู เดิมทีมันจะเห็นหน้าอกนิดๆ ข้างล่างอยู่แล้วเป็นความตั้งใจที่อยากจะให้เซ็กซี่ของมีนเอง เพราะหลังๆอยากใส่ชุดออกเซ็กซี่บ้างตามผับตามร้านเหล้า แต่พอมันเต้นโยกไปโยกมาบนเวทีมันเลยร่นขึ้น จากที่เห็นนิดๆ มันกลายเป็นร่นขึ้นจนโป๊เกินความตั้งใจของเราไป
เบิ้ล : ความรู้สึกที่ว่ามันหนักสุด คอมเมนต์ที่มันคุกคามล้ำเส้นคืออะไร ?
มีนตรา : ถ้าพูดถึงเราคนเดียวก็ยังพอเข้าใจได้ แต่ที่เรารับไม่ได้คือพูดถึงพ่อกับแม่เรา มีคอมเมนต์หนึ่งที่เราจำได้จนถึงปัจจุบัน แล้วเราแคปไว้ด้วยนะ ….เมื่อก่อนเดินสายประกวดกับพ่อ มีพ่อคอยดูแลตลอด ตอนนี้พ่อตายแล้วเหรอทำไมถึงไม่มีใครมาคอยสอน เราก็เลยรู้สึกว่ามันล้ำเส้นไปมากๆ เลย
เบิ้ล : กระแสการแต่งตัวคู่กับสาวลูกทุ่งที่จะต้องมีวับๆแวมๆ ยิ่งดังคนยิ่งจับตามอง ตกใจไหมกับเรื่องนี้ ?
มีนตรา : ตอนแรกตกใจ แต่พอทำความเข้าใจว่าคอมเมนต์เหล่ามันมีค่ามากน้อยแค่ไหนที่เราจะนำมาคิด สุดท้ายแล้วก็คิดว่าเวลาอ่านแล้วเศร้าเราก็เศร้าคนเดียว คนเหล่านี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรกับใจเราบ้าง ไม่ต้องสนใจไม่ต้องให้ค่าดีกว่า เพราะว่าในขณะเดียวกันมันมีกลุ่มคนที่เขาคอยมอบความรักให้เราเยอะมากๆ อีกเช่นกัน ซึ่งในช่วงแรกๆ เราดันไปโฟกัสกับคอมเมนต์เหล่านี้เพราะเราไม่เคยเจอเลยอยากรู้ว่าคนเขาจะพูดแบบไหน
สุดท้ายแล้วก็ได้ทำความเข้าใจเรื่อยๆ จนได้เห็นมุมนี้ว่าโอเคมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญชีวิตเรา ตอนแรกมีนมองไม่เห็นมุมนี้เลยนะ เรามั่นใจในระดับหนึ่งเลยว่าเกิดมา ไม่เคยคิดไม่ดีกับใคร ไม่เคยคิดร้ายกับใคร ไม่เคยอยากจะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใครทำไมต้องมาโดนด่าแบบนี้ แค่การแต่งตัวรสนิยมชื่นชอบของเราเท่านั้นเอง