เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ห้องประชุมชั้น4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ถ.พหลโยธิน นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย นายสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการฯ ร่วมแถลงข่าวกรณีประเด็นที่ศาลจังหวัดกำแพงเพชร มีคำพิพากษาถึงที่สุดลงโทษอ่วมทนายความปลอมโดยให้จำคุก 9 ปี 36 เดือน ทนายไก่หมุน ที่ปลอมใบอนุญาตให้เป็นทนายความ เข้าทำหน้าที่ต่อสู้คดีในศาลหลายคดี
นายวิเชียร เปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจากจะมีชายคนหนึ่งไม่ได้เป็นทนายความแล้ว ไปทําหน้าที่ในศาลโดยการปลอมใบอนุญาต มีการเข้าไปว่าความที่ศาลสู้กับทางพนักงานอัยการ ภายหลังการตรวจสอบแล้วพบเป็นทนายความปลอม
จากนั้นตนจึงมอบหมาย นายชัยวัฒน์ บุญเกื้อ ซึ่งเป็นนายทะเบียนสภาทนายความและเป็นกรรมการสภาทนายความไปดําเนินการแจ้งความร้องทุกข์ จนกระทั่งพนักงานอัยการจังหวัดกําแพงเพชรฟ้อง นายพรเทพ คะเชนทร์ภักดิ์ หรือ ทนายไก่หมุน สุดท้ายศาลจังหวัดกําแพงเพชร มีคําพิพากษาลงโทษจําคุก นายพรเทพ 9 ปี 36 เดือน แล้วจําเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง
นายกสภาทนายความฯ กล่าวต่อว่า นี่คือบทพิสูจน์บทหนึ่งว่า ทางสภาทนายความของเราเอาจริงเอาจัง ในเรื่องการที่มีบุคคลมาแอบอ้างว่าเป็นทนายความ เราต้องดําเนินการทางคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุด และตอนนี้ทราบว่าก็มีคนที่แอบอ้างว่าเป็นทนายความปลอมอยู่เรื่อยๆ ก็ต้องฝากประชาชน หรือผู้ใดทราบมาว่ามีคนแอบอ้างว่าเป็นทนายความแล้วไปหลอกลวง
ตนมีนโยบายว่าในกรณีที่ประชาชนถูกบุคคลอื่น ซึ่งไม่ได้เป็นทนายหลอกลวงให้เสียหาย ทางสภาทนายความยินดีในการที่จะเข้าไปดําเนินคดีให้เพื่อเอาผิดกับคนที่แอบอ้างว่าเป็นทนายความ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
อีกประการหนึ่งก็คือประชาชนก่อนจะมอบหมายหรือแต่งตั้งให้ใครเป็นทนายความนั้น ให้ตรวจสอบรายชื่อมาที่สภาทนายความเสียก่อน มิฉะนั้นแล้วอาจถูกมิจฉาชีพหลอกลวงได้
ขอแจ้งว่าขณะนี้เองก็มีการปลอมไลน์หรือเพจของทั้งสภาทนายความฯ และของตนที่เป็นนายกฯแล้วไปเรียกร้องเงินวิ่งเต้นช่วยคดี ตนขอย้ำว่า สภาทนายความฯ ไม่มีนโยบายที่จะให้ประชาชนเวลาขอคําปรึกษา ต้องโอนเงินเป็นค่าปรึกษา หรือเรียกร้องค่าคดีในการที่จะไปว่าต่างแก้ต่างให้ เราไม่มีนโยบายเช่นนั้นเด็ดขาด
เมื่อถามว่า หลังเกิดเหตุทนายไก่หมุนทางสภาทนายความดำเนินการอย่างไร นายวิเชียร กล่าวว่า เราพัฒนาการตรวจสอบสถานะการเป็นทนายก่อน โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตนก็เข้าไปพบกับทาง นางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา คนปัจจุบัน เพื่อหารือสืบเนื่องต่อเนื่องกันจากท่านประธานศาลฎีกาคนก่อนที่หมดวาระไป
โดยนําเรียนว่าจําเป็นต้องเชื่อมข้อมูลให้ทางศาลเข้าถึงสถานะการเป็นทนายความว่า คนที่ไปทําหน้าที่ในศาลเป็นทนายความจริงหรือไม่ ตอนนี้ก็อยู่ในระหว่างดําเนินการ และพัฒนาระบบให้เป็นแบบออนไลน์ด้วย