วันที่ 8 ม.ค. 67 มีรายงานว่า ภรรยาของนายประจักษ์ อายุ 44 ปี แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากอาการหัวใจวายเฉียบพลันที่ประเทศอิสราเอล ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ติดต่อและส่งร่างมาให้กับลูกชายของนายประจักษ์ที่อาศัยอยู่กับภรรยาเดิมของนายประจักษ์ที่ จ.ชัยภูมิ และได้จัดงานพร้อมฌาปนกิจศพไปแล้วในวันอาทิตย์ที่ 7 ม.ค.
ที่บ้านของนางคำภา พบว่า มีเพื่อนบ้านและญาติมาให้กำลังใจ และมีการเก็บกวาดบ้านและเตรียมพื้นที่จัดพิธีศพ แต่เมื่อทราบว่า ศพนายประจักษ์ ถูกส่งไปที่ จ.ชัยภูมิ และทำการเผาแล้ว ทำให้นางคำภา ถึงกลับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ บอกว่าก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศ แจ้งว่า จะนำศพกลับมาได้หลังปีใหม่ แต่ตนรอแล้วรอเล่าก็ไม่มีใครติดต่อมาอีก จนมาทราบข่าวว่าศพสามีถูกเผาแล้ว
นางคำภา เล่าว่าอยู่กินแต่งงานกับนายประจักษ์ หรืออั๋น มากว่า 12 ปี แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสและไม่มีลูกด้วยกัน จากนั้นลงทุนทำสวนแตงโมแต่ขาดทุนจนเป็นหนี้ เมื่อปี 2560 นายประจักษ์บอกว่าอยากไปทำงานเป็นแรงงานเก็บผลไม้ที่อิสราเอล ตอนนั้นต้องใช้เงิน 2 แสนบาท ตนจึงนำที่สวน 33 ไร่ไปจำนอง ได้เงินมา 4 แสน เพื่อให้นายประจักษ์เดินทางไปทำงานต่างประเทศ แต่มีข้อตกลงกันว่าให้นายประจักษ์ไปหย่ากับภรรยาเก่าให้เรียบร้อย และย้ายชื่อมาเข้าทะเบียนบ้านที่สกลนครก่อน จากนั้นนายประจักษ์ได้ไปทำงานตามที่คุยกันไว้ โดยมีสัญญาจ้าง 5 ปี จะครบในปี 2567 นี้
นางคำภา กล่าวต่อว่า นายประจักษ์ จะส่งเงินมาเดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท จนปี 66 นายประจักษ์บอกว่า จะขอเก็บเงินไว้เองเพื่อจะได้เป็นเงินก้อนเมื่อกลับประเทศไทย ล่าสุดเมื่อต้นเดือนธันวาคม ปี 66 ยังได้พูดคุยโทรศัพท์กันอยู่ แต่ได้ขาดการติดต่อ จนมาทราบจากทางกงสุลแจ้งมาว่า สามีตนเอง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม และจะนำศพกลับมาหลังปีใหม่ ตนเองจึงแจ้งไปว่า ให้ส่งศพนายประจักษ์ มาตามที่อยู่บัตรประชาชน ที่ จ.สกลนคร แต่ข้องใจว่า ทำไมศพไปโผล่ที่ จ.ชัยภูมิ และมีการออกข่าวว่า ไม่สามารถติดต่อภรรยาใหม่ นายประจักษ์ได้ ทั้งที่ตนเองเป็นคนแจ้งว่า นายประจักษ์ เสียชีวิตให้กับลูกและเมียเก่า ทราบข่าว
มีการตกลงว่า หากจะนำศพไปทำพิธีที่ จ.ชัยภูมิ ตนเองไม่ขัดข้อง แต่ต้องให้มาทำสัญญารับภาระหนี้ร่วมกันของนายประจักษ์กับตนเอง ประมาณ 5 แสนบาท แต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมรับ จึงให้ตนเองเป็นคนจัดการพิธีเอง และคนที่เซ็นเอกสารรับศพ มีเพียงลูกชายนายประจักษ์เท่านั้น ซึ่งตนเองและญาติๆ ก็รอทุกวันว่า เมื่อไรจะนำศพกลับมาจะได้ทำพิธีตามประเพณี แต่แล้วก็มาทราบข่าวว่า มีการเผาศพนายประจักษ์แล้ว โดยที่ไม่มีใครแจ้งข่าวตนเอง โทรศัพท์ติดต่อทางครอบครัวเก่าก็ไม่ติดต่อได้อีก
นายประยงค์ วงษ์ธรรม ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.ต้นผึ้ง กล่าวว่า นางคำภา ลูกบ้านมาแจ้งว่า สามีเสียชีวิตแล้วรอรับศพ จึงแจ้งให้ลูกบ้านทราบข่าว เพื่อจะได้นำศพมาทำพิธีตามประเพณีหมู่บ้านที่ตั้งศพวที่บ้าน และไปทำพิธีเผาที่วัด แต่มาทราบว่า มีการเผาศพแล้วที่ จ.ชัยภูมิ ก็ถือว่ายังทำพิธีให้ผู้ตาย แต่เห็นใจครอบครัวนางคำภา ที่ตั้งใจจะทำบุญให้นายประจักษ์ครั้งสุดท้าย