ต้องบอกว่ากาลเวลาไม่สามารถทำอะไรเธอได้เลยจริงๆ สำหรับ ติ๊ก-กัญญารัตน์ จิรรัชชกิจ นักแสดงมากความสามารถปัจจุบันผันตัวเองมาเป็นเจ้าของรายการท่องเที่ยวญี่ปุ่น
กระทั่งได้เป็นทูตสันถวไมตรีของประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นตัวแทนนักท่องเที่ยวชาวไทยให้แก่ประเทศดังกล่าว จากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2550 เพราะไม่ค่อยได้ออกสื่อเท่าไหร่จึงทำให้หลายคนคิดถึงผลงานมีแอบถามไถ่ว่าเมื่อไหร่จะกลับมาเล่นละคร แต่ถ้าหากใครติดตามเธอผ่านอินสตาแกรมก็จะได้เห็นไลฟ์สไตล์เก๋ๆ พร้อมกับภาพน่ารักๆ ของ ติ๊ก กัญญารัตน์ แบบเต็มๆ
บอกเลยว่าแต่ละภาพของเธอนั้นสวยเป๊ะเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือหน้าเด็กลงเรื่อยๆ อีกด้วย เรียกว่ากี่ปีก็เหมือนเดิมเลยจริงๆ
ซึ่งก่อนหน้านี้ทางด้าน ติ๊ก กัญญารัตน์ เคยน้ำหนักขึ้นสูงถึง 10 กิโลกรัม จนทำให้กลายเป็นสาวอวบ แต่เจ้าตัวก็ไม่ซีเรียส และไม่มีคนทัก เนื่องจากไม่ใช่คนผอมมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ต้องบอกเลยว่า เจ้าตัวนั้นน้ำหนักลดลงมาได้ 10 กิโลกรัม จนกลับมาสวยเป๊ะอีกครั้ง ทำเอาหลายๆ คนถึงกับเซอร์ไพร้ส์กันเลย
นอกจากนี้ หลังจาก ติ๊ก กัญญารัตน์ ได้พักงานด้านการแสดงไปตั้งปี พ.ศ. 2552 แล้ว เธอก็ได้ผันตัวมาทำรายการวาไรตี้เป็นของตัวเอง ออกอากาศทางช่อง 3 ชาแนลยูทูบ North Star Channel
คือรายการ Say Hi ซึ่งจากผลงานทั้งด้านการแสดงและการเป็นผู้จัดละครที่ผ่านมาของ ติ๊ก กัญญารัตน์
ทำให้เหล่าคนในวงการบันเทิง รวมถึงแฟน ๆ ดาราเอง ต่างก็ยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่า ติ๊ก กัญญารัตน์ คือผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่ง
ถามว่ารู้สึกเสียดายมั้ย เพราะดาราในรุ่นของพี่ทุกวันนี้เค้าก็ยังเป็นนางเอกได้อยู่ ถ้า ณ วันนี้บอกเลยว่าเสียดาย เวลามันย้อนกลับไปไม่ได้ เพราะอายุเราเยอะขึ้น ต่อให้เราลงไปเล่นละคร
เรารู้สึกว่าคนเค้าไม่เชื่อเราแล้ว เพราะเราโต เราทิ้งช่วงไป เราเสียดาย เราทิ้งตรงนั้นไปทำไม แทนที่เราจะโกยตรงนั้นไปก่อน ให้คนดูได้อิ่มกับเรามากกว่านี้ก่อน แล้วค่อยผันตัวเอง ตอนนี้เสียดายที่มันย้อนกลับไปไม่ได้”
ถามว่าแล้วถ้าย้อนได้จะพักมั้ย ไม่พักค่ะ คือถ้ามีคนชี้แนะว่าให้เราทำคู่ขนานกันไปได้ เราคงไม่เบรกตัวเอง ถามว่าแล้วที่เคยมีข่าวเกาเหลากับ อั้ม พัชราภา ล่ะ เพราะอะไร
“จริงๆ มันอาจจะเป็นช่วงเปลี่ยนยุค ไม่ได้เกี่ยวกับติ๊กเลย มันเป็นช่วงที่เราเปลี่ยนชีวิตของเรา พอหมดสัญญาปุ๊บ เราก็คิดว่ากำลังจะต่อ
ทางช่องเค้าก็มีเตรียมให้สองสามเรื่อง อีกที่นึงเค้าก็ยื่นนักแสดงแต่ละเบอร์มาให้เราเล่น แต่ละบทให้เราเล่น เรารู้สึกมันท้าทาย มันต้องเลือก”