แม่เล่าคืนสุดท้าย “พลทหารภาคม” ก่อนดับ คำพูดที่ไม่มีวันลืม

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการยิงตอบโต้ระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มคนร้าย และส่งผลให้ พลทหารภาคม สูเด็น ตำแหน่งพลยิงปืนเล็กกล หมวดปืนเล็กที่ 3 ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ในเวลา 18.00 น. ของวันเดียวกัน ที่ศาลาพิณประเสริฐ ค่ายสิรินธร อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เป็นประธานในพิธีส่งร่างวีรชนทหารกล้ากลับบ้านเกิด ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีผู้บังคับบัญชา เพื่อนทหาร และครอบครัว ร่วมพิธีอย่างสมเกียรติ ท่ามกลางบรรยากาศอาลัย

ต่อมาเวลา 21.50 น. ร่างของพลทหารพาคมเดินทางถึงมัสยิดดารุนอาบีดีน (บางม่าเหลา) อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อดำเนินพิธีทางศาสนาอิสลาม ได้แก่ การอาบน้ำศพ (ฆุซุล ญะนาซะฮ์) การห่อศพด้วยผ้าขาว และละหมาดญะนาซะฮ์ ก่อนจะฝังศพในเช้าวันที่ 18 มิถุนายน ณ กุโบร์ใกล้มัสยิดบางม่าเหลา โดยจะมีพิธีพระราชทานดินฝังศพในวันที่ 26 มิถุนายน 2568

พลทหารภาคม สูเด็น เป็นชาวภูเก็ต วัยเพียง 22 ปี และสมัครใจเข้ารับราชการทหารเพื่อรับใช้ชาติ ครอบครัวเผยว่าเป็นลูกชายที่เข้มแข็ง เสียสละ และมีจิตใจเด็ดเดี่ยว โดยเฉพาะในช่วงสุดท้ายของชีวิต ก่อนเกิดเหตุเพียงคืนเดียว เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 16 มิถุนายน เขาได้พูดคุยกับแม่ตามปกติ ก่อนจะจบการสนทนาด้วยคำพูดสุดท้ายที่บีบหัวใจคนเป็นแม่

“ไม่เป็นไรหรอกแม่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น คนข้างหลังสบาย แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีอะไรน่ากลัว”

คำพูดนั้น กลายเป็นคำลาจากอย่างไม่มีวันหวนกลับ ท่ามกลางความเศร้าโศกและความภาคภูมิใจในความเสียสละของลูกชายที่เป็นหนึ่งในรั้วของชาติ

ครอบครัวและชาวบ้านในชุมชนต่างร่วมกันสดุดีในความกล้าหาญและเสียสละของพลทหารพาคม ซึ่งจากไปอย่างวีรชน บนเส้นทางแห่งการปกป้องผืนแผ่นดินไทย