หนุ่มโรงงานช้ำหนัก หลงกลแอปฯหาคู่ เปย์สาวเกลี้ยง 2.2 แสน หายทั้งเงินทั้งใจ ทุ่มให้หมดหน้าตัก สุดท้ายใจสลายแทบไม่อยากมีชีวิตต่อ
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 นายสมชาย (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี หนุ่มโรงงานในจังหวัดชลบุรี ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ และทนายเจส ณัฐปกรณ์ สุดชา หลังจากถูกหลอกลวงผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ จนต้องสูญเงินไปกว่า 223,000 บาท โดยที่ไม่เคยได้พบหน้าหญิงสาวที่หวังจะสานสัมพันธ์ด้วย


นายสมชายเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2567 ตนได้พบเว็บไซต์หาคู่เด้งขึ้นมาในเฟซบุ๊ก ด้วยความเหงาและไม่มีแฟน จึงตัดสินใจติดต่อเพจนัดสาวเอ็นเตอร์เทนแห่งหนึ่ง โดยมีแอดมินชื่อ “โฟกัส” ติดต่อพูดคุยผ่านทางไลน์ และแจ้งว่าสามารถนัดสาวออกเดทได้ แต่ต้องเสียค่าสมัคร 1,000 บาท ก่อนจะส่งลิงก์มาให้ เมื่อกดเข้าไปพบกับ “ฝ่ายธุรกรรมทางการเงิน” ซึ่งได้หลอกให้โอนเงินอีกหลายครั้ง
เว็บไซต์ดังกล่าวเปิดโอกาสให้เลือกผู้หญิงที่สนใจ และแนะนำให้เติมเงินเพื่อใช้งานระบบ ด้วยความเชื่อใจ นายสมชายจึงเติมเงินไป 500 บาทในครั้งแรก จากนั้นได้เลือก “น้องโมจิ” สาวที่ถูกใจ แต่กลับไม่สามารถนัดเจอหรือแม้แต่พูดคุยกับเธอได้ โดยมิจฉาชีพอ้างเหตุผลต่าง ๆ ก่อนจะให้โอนเงินเพิ่มเป็นค่าปลดล็อกบัญชีบ้าง อ้างว่าเบิกเงินเกินระบบบ้าง โดยแต่ละครั้งต้องโอนเงินเพิ่มครั้งละ 30,000 – 60,000 บาท
ต่อมา มีชายคนหนึ่งแอดไลน์มา อ้างว่าเป็นที่ปรึกษาเว็บหาคู่ แนะนำให้เพิ่มวงเงิน โดยจะลดวงเงินจาก 60,000 เหลือ 30,000 บาท นายสมชายเล่าว่าเขาใช้เงินเก็บที่มีอยู่ นำรถจักรยานยนต์เข้าไฟแนนซ์ รวมถึงหยิบยืมญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ เพื่อนำเงินไปโอนให้มิจฉาชีพรวม 10 ครั้ง ผ่านหลายบัญชีและธนาคาร

สุดท้ายมิจฉาชีพเพียงส่งภาพ “น้องโมจิ” มาให้ดูหนึ่งภาพ โดยไม่มีโอกาสได้พูดคุยหรือนัดพบกัน แต่กลับต้องสูญเงินไปกว่า 220,000 บาท
มิจฉาชีพยังอ้างว่าต้องเติมเงินเข้าระบบอีกหลายครั้ง และหลอกให้ทำ “ภารกิจ” ต่าง ๆ พร้อมสัญญาว่าจะคืนเงินทั้งหมดเมื่อทำภารกิจสำเร็จ ด้วยความหวังว่าจะได้เงินคืน นายสมชายจึงยอมทำตาม แต่สุดท้ายไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบได้เลย
ภายหลังจากไปปรึกษาเพื่อนและทนายความ ทุกคนต่างบอกตรงกันว่าเขาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก จึงเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 ซึ่งต่อมาตำรวจได้อายัดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องไว้

อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปกว่า 6 เดือน คดียังไม่มีความคืบหน้า นายสมชายเกิดความเครียดอย่างหนักจากเหตุการณ์ดังกล่าว ถึงขั้นคิดสั้นอยากฆ่าตัวตาย ก่อนจะมีผู้แนะนำให้เข้าขอความช่วยเหลือจากจ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ เพื่อพาเข้าแจ้งความต่อที่กองปราบปราม หวังดำเนินคดีกับกลุ่มมิจฉาชีพให้ถึงที่สุด
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการช่วยเหลือต่อไป