บุ๋ม ปนัดดา แนะ สมรักษ์ อย่าพูดเยอะ ยังไงก็ผิดเต็มๆ รับกรรมทั้ง 2 ฝ่าย – ชื่นชม น้องเบสท์ มีสติตอบคำถาม
จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น โดยอ้างว่าถูก สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยชื่อดัง พาเข้าโรงแรมแล้วลงมือกระทำอนาจาร หลังรู้จักกันในผับแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น
ก่อนที่วันนี้(14ธ.ค.66) สมรักษ์ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ขอนแก่น ต่อมาได้เผยกับสื่อมวลชน ปฏิเสธ 4 ข้อกล่าวหา พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และจะขอต่อสู้ให้ถึงที่สุด ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุด ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ยกหูหา บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี พิธีกรคนดัง เพื่อสอบถามความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ ในฐานะที่เจ้าตัวทำงานกับเด็ก เยาวชน และสตรีมาโดยตลอด โดย บุ๋ม กล่าวว่า “ก่อนอื่นต้องบอกว่าถ้าเป็นเรื่องของเยาวชน ความผิดยังไงก็คือความผิด”
“เพียงแต่ว่าจะผิดมากน้อย ด้วยเจตนาเป็นอย่างไร อันนี้ศาลก็จะเป็นคนตัดสินอีกที โดยพิจารณาตามพฤติการณ์ของทั้งสองฝ่าย กฎหมายไทยจะดูที่เจตนา ส่วนจะผิดแค่ไหนแต่ถ้าเป็นเยาวชนยังไงก็ผิด ถ้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขา”
“ถามว่าทำไมถึงมีกฎหมายคุ้มครองเยาวชน เพราะเขามองว่าเยาวชนไม่สามารถตัดสินใจได้ดี ด้วยวุฒิภาวะ อาจจะด้วยความกลัวผสมความตื่นเต้น หรืออาจจะมีคำเชิญชวนของผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์กว่าเลยเคลิ้มไปตามนั้น โดยมารู้ตัวอีกทีว่าตัวเองรู้สึกผิดไปแล้ว นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องมีกฎหมายคุ้มครองเยาวชน”
เคสนี้ยังไงสมรักษ์ก็ผิดเต็มๆ ใช่ไหม? “ใช่ค่ะ การที่แค่พาเด็กขึ้นรถและพาเข้าไปอยู่ในห้องสองต่อสองผิดแล้วดอกหนึ่ง อย่างที่สองดันขยันให้สัมภาษณ์เหลือเกินว่าผมแค่กอดจูบลูบคลำ พี่บาสอ่ะ คือเราก็เข้าใจความซื่อแกเนอะ”
“แกควรเอาไปพูดกับตำรวจตอนสืบสวน แต่ไม่ต้องออกสื่อ ไม่ได้บอกให้แกโกหกนะ แต่ด้วยนิสัยแกบางอย่างก็ไม่ควรพูด เพราะอย่างที่หนึ่ง ทุกคนรู้หมดแล้วว่าเด็กโดนอะไร เรามองในมุมของเด็กว่าเด็กเองก็เสียหาย”
“อย่างที่สอง ยังไงกรณีนี้ผู้ปกครองของเด็กก็ต้องตักเตือนเด็กอย่างรุนแรง เพราะสิ่งที่เด็กตัดสินใจมันเป็นพฤติกรรมที่ทำให้เป็นข่าวใหญ่โต แล้วเมื่อวานแม่เด็กก็บอกว่าน้องเริ่มเป็นซึมเศร้า ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะในโลกโซเชียลเกือบ 90% คือกระหน่ำน้อง”
ชาวเน็ตแบ่งเป็น 2 ฝ่าย เข้าข้างสมรักษ์ เข้าข้างเด็ก? “เราเองไม่ได้เข้าข้างเด็กด้วยนะ สำหรับปนัดดาผิดว่าไปตามผิด น้องรู้อยู่แล้วว่าสถานที่นั้นไม่ควรไป อายุตัวเองก็ไม่ถึง น้องก็ผิดเรื่องนี้ประตูแรก อีกเรื่องคือเพื่อนชวนกลับต้องกลับ ไม่ควรตามผู้ชายไป”
“แต่ในมุมที่เราเคยทำงานกับเด็กและเยาวชนผู้หญิงมาเยอะ มันก็จะมีประเภทที่ภาวะจิตใจ ณ ตอนนั้นอาจจะด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ฮึกเหิม มันสนุก เจอคนดัง เจอผู้ชายมาคุยเก่งๆ มันตื่นเต้นมันเคลิ้ม แต่พอทำไปแล้วกลับรู้สึกแย่รู้สึกผิดมันก็มี น้องอาจจะเป็นภาวะแบบนี้ก็ได้”
“แต่เราก็ต้องให้เขาเรียนรู้กับสิ่งที่เขาทำ แทนที่จะหนีออกมาตั้งแต่แรก แต่โอเคในเมื่อทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องรับผลกรรมตรงนี้ไป พี่บาสก็ต้องรับโทษตรงนี้ไป ทางผับเองก็ยังไม่รู้หมู่หรือจ่าว่าจะยังไง”
สิ่งที่เป็นความผิดพลาดของสมรักษ์ที่สุดในเคสนี้คืออะไร? “ผิดพลาดตั้งแต่เด็กบอกว่าอายุ 17 ตั้งแต่ในผับก็ควรที่หยุดตั้งแต่ตรงนั้น พี่บาสหาสาวที่ไหนก็ได้ พูดตรงๆ พี่บาสคงรู้อยู่แล้วอ่ะว่าหาได้ยังไง ไม่ได้เป็นเรื่องยากสำหรับแก เพียงแต่ว่าถ้ามันมีความสุ่มเสี่ยงพี่บาสควรหยุด”
“แต่พี่บาสอาจจะไม่เคยเจอเยาวชนไง แล้วแกก็อาจจะมองในมุมของแกว่าในผับมันน่าจะ 20 ขึ้นอยู่แล้ว จะมาเยาวชนอะไร น้องอยากให้ตัวเองดูเด็กหรือเปล่าก็เป็นไปได้ แล้วอารมณ์คนเมาเนอะอยู่ใกล้ชิดกันมันก็จะไปใหญ่”
ได้คุยหลังไมค์กับสมรักษ์บ้างไหม? “ไม่ได้สอบถามอะไรเลยค่ะ ทำงานร่วมกันกับทางกองทัพเรือบ่อยก็จริง แต่พอเป็นกรณีอย่างนี้เรารู้จุดยืนของเราไงว่าเราอยู่กับเด็กและสตรี เราไม่ควรที่จะไปก้าวก่าย แล้วเชื่อว่าเขาโดนกระหน่ำแล้วแหละ ได้แต่บอกแค่ว่าอย่าพูดอะไรเยอะ อย่าให้สัมภาษณ์อะไรที่หลุดนอกประเด็น และปรึกษาทนายก่อนพูด ได้แต่แนะนำแค่นี้เพราะยังไงก็ผิดอ่ะ”
หลายคนเห็นใจ น้องเบสท์ ที่ต้องมารับผลกระทบไปด้วย? “เห็นใจแน่นอน ทุกคนถึงไปทำข่าวและส่งกำลังใจให้น้องอย่างเต็มที่ แต่มันเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ในเมื่อน้องเป็นคนดัง คุณพ่อน้องเป็นคนดัง ยังไงก็ต้องเป็นจุดสนใจของนักข่าวและสังคมค่ะ”
“น้องเบสท์เป็นสายแบกตัวแบกของบ้าน เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนรักน้องเบสท์มากกว่าเดิม แล้วเชื่อว่าน้องเบสท์จะมีแต่ความเจริญ แล้วเขาตอบคำถามได้ดีมีสติมีสมาธิดีมาก เรื่องนี้ต้องขอชื่นชม มีความสตรอง เชื่อว่าเขาข่มอะไรในใจเยอะอ่ะ แล้วความรักที่มีให้พ่อกับแม่ทุกคนมีเหมือนเดิมแหละ”
“เรายังจำวันที่พี่บาสเดินมาแนะนำน้องเบสท์ให้เรารู้จัก นี่น้องเบสท์นะ กำลังเข้าวงการนะ ฝากเนื้อฝากตัวน้องด้วยนะครับ แล้วพี่บาสภูมิใจในตัวน้องเบสท์มาก”
อยากฝากอะไรถึงสังคมเกี่ยวกับเคสนี้? “อยากฝากถึงผู้ปกครองมากกว่าค่ะ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แล้วก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องหันมาใส่ใจกันจริงจังแล้วล่ะว่าจริงๆ แล้วเราอาจจะมองว่าลูกเราเป็นคนดีนะ แต่เราไม่รู้หรอกว่าเบื้องหลังเขาที่เราปล่อยเขาไปเนี่ย เขาอาจจะไปตีกับคนอื่น ไปมีเรื่องกันเหมือนเด็กอาชีวะหลายคนที่เราเห็นข่าว”
“โดยที่เขาอยู่บ้านเขาเป็นคนดีค่ะ แต่เราก็ต้องบอกด้วยว่าเขาต้องดีนอกบ้านด้วยนะ มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหันมาคุยกันเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะว่าเขาคือเยาวชน แล้วเขาอาจจะยังตัดสินใจได้ไม่ดีเต็มร้อยเท่าไหร่ แต่มันเป็นหน้าที่ของพ่อแม่เต็มประตูในการดูแลเด็กๆ เหล่านี้ค่ะ”