ล่าสุดศาลมีคำพิพากษากรณีคลิปวินกร่างข่มขู่ผู้หญิงและตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย โดยได้สั่งจำคุกและปรับเงิน หากไม่จ่ายหรือผิดนัดชำระจะมีโทษตามมา
จากกรณีคลิปดัง “วินกร่างดอนเมือง” ท้าอยากเจอคนเจ๋งที่สุด โดยมีคลิปจำนวน 2 คลิป วินมอเตอร์ไซค์เบอร์ 3 โวยวายด่าทอกับคนขับรถผู้หญิง ส่วนอีกคลิปตามไปด่าทอคนถ่ายคลิปถึงหน้าบ้าน และท้าทายอยากเจอคนที่เจ๋งที่สุด เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 24 พ.ย. 66
ต่อมาวันที่ 26 พ.ย. 66 สามารถตามจับกุมวินกร่างได้แล้ว โดย นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อม น.ส.ศรัญญา อายุ 27 ปี น.ส.พัชรกัญภัค 31 ปี ผู้เสียหายลงพื้นที่จุดเกิดเหตุใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส คปอ. พื้นที่ สน.ดอนเมือง
หลังจากลงพื้นที่สายไหมต้องรอด ได้เดินทางไปที่บ้านของผู้เสียหายที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร และได้พูดคุยกับ นางมนัชญา อายุ 59 ปี แม่ของผู้เสียหาย ระบุว่า ปกติที่บ้านมีทั้งเด็กและผู้สูงอายุซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งหมดยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความกังวลให้กับครอบครัวอย่างมากโดยเกิดเหตุฝั่งของวินจักรยานยนต์ที่ก่อเหตุ มีการพูดจาท้าทาย ว่า “ให้แจ้งตำรวจได้เลย” พร้อมกับข่มขู่ว่า “ในนี้มีคนเจ๋งบ้างหรือเปล่า ใครเจ๋งไปเรียกมาเลย” อยากให้เจ้าหน้าที่ตามตัวมาตักเตือนอย่าไปทำแบบนี้อีก
ต่อมามีรายงานข่าวระบุว่า พ.ต.อ.อดิเรก ทองแกมแก้ว ผกก.สน.ดอนเมือง พร้อมฝ่ายสืบสวนติดตามตัวหนุ่มวินรายนี้มาได้แล้วทราบชื่อนายธวัชชัย อุ่นใจเพื่อน อายุ 43 ปี จากการตรวจสอบเบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบสารเสพติดในร่างกายของผู้ก่อเหตุ
ซึ่งนายธวัชชัย ยอมรับว่า วันเกิดเหตุตัวเองกินยาบ้าไป 1 เม็ด ซึ่งตอนเกิดเหตุตัวเองไม่ได้ตั้งใจขับรถตัดหน้า แต่วันนั้นตัวเองรีบขับรถไปเข้าวิน ก็เลยตัดสินใจขับรถปีนเกาะกลางถนน อีกทั้งตัวเองไม่ได้ตามไปที่บ้านของผู้เสียหาย แต่ตอนนั้นเป็นจังหวะที่ไปส่งผู้โดยสารที่ท้ายซอยนั้นพอดี แล้วผู้เสียหายมายืนดัก
และยอมรับว่าตัวเองไม่ได้ขึ้นทะเบียนขับวินมอเตอร์ไซค์กับกรมการขนส่งทางบก แต่ไปเช่าเสื้อวินมาในราคาวันละ 50 บาท และรถยังเป็นป้ายทะเบียนขาวอยู่ยังไม่ได้เป็นป้ายเหลืองด้วย
จากนั้นทั้ง 2 ฝ่าย ได้พบกันนายธวัชชัย ได้ยกมือไหว้ขอโทษทางฝั่งของผู้เสียหาย ซึ่งตอนนั้นสีหน้าเธอยังมีความกังวลและหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ ในส่วนทางคดี ทางพ.ต.อ.อดิเรก ทองแกมแก้ว ผกก.สน.ดอนเมืองระบุว่า เรื่องที่ตรวจพบสารเสพติดในร่างกายของนายธวัชชัย ตำรวจต้องดำเนินคดีอยู่แล้ว
ส่วนในคลิปที่มีการใช้คำพูดข่มขู่ ก็จะดำเนินคดีในข้อหาทำให้ตกใจกลัวโดยการข่มขู่ นอกจากนี้ตำรวจยังต้องตรวจสอบรถจักรยานยนตร์ของนายธวัชชัย รวมทั้งการมาขับรถจักรยานยนต์รับจ้างกับสำนักงานเขตดอนเมืองด้วย ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากพบว่ามีการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีต่อไป อัปเดตล่าสุดมีรายงานข่าวว่าทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาทำให้ตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และหากพบการกระทำผิดเกี่ยวกับพรบ.จราจร ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2566 มีรายงานคำพิพากษาของศาลที่พิจารณาวันที่ 29 พ.ย. 2566 “วินกร่าง” จำเลยถูกตัดสินให้มีความผิดตามกฎหมาย และได้รับโทษจำคุก 3 เดือนเพื่อการเสพยาเสพติดในประเภทที่ 1 รวมทั้งปรับเงิน 3,000 บาท เนื่องจากมีการทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ ซึ่งได้รับโทษเพิ่มเติมอีก 3,000 บาทตามกฎหมายอาญา มาตรา 92
นอกจากนี้ ศาลยังพิจารณาถึงเหตุผลในการลดโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 78 และลดโทษครึ่งหนึ่ง ให้คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 2,000 บาท
ในกรณีที่จำเลยไม่ชำระค่าปรับตามที่กำหนด ศาลต้องการให้ดำเนินการตามกฎหมายอาญา มาตรา 29 ซึ่งอาจเป็นการนำพาไปขังในที่ทำความรู้จักหรือมีผลในการทำงานตามกฎหมายอาญาต่อไป
โดยคำพิพากษานี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของระบบกฎหมายในการดำเนินคดีทางอาญา และการให้โทษที่สอดคล้องกับการกระทำของผู้ถูกฟ้อง ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสังคม