หญิงแฉ “ทหารยศสิบตรี” ใช้คารมหว่านเสน่ห์ ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งตัว ก่อนล่าสุดเจอตอเข้าเต็มๆ พัวพันกับสาวมีสามีแล้ว แถมยศใหญ่ไม่ธรรมดา
กลายเป็นประเด็นที่หลายคนต่างให้ความสนใจอย่างมาก กับกรณีของ ผู้หญิงรายหนึ่งถูกทหารยศสิบตรี หว่านเสน่ห์ ใช้คารมหลอกให้เสียทั้งเงิน เสียทั้งตัว ทั้งยังถูกถ่ายคลิปแบล็กเมล ตามสืบขุดประวัติพบมีผู้หญิงถูกกระทำลักษณะเดียวกันอีกหลายคน แถมยังเคยติดคุกทหารมาแล้ว แต่เมื่ออกมาได้ก็กลับมาทำแบบเดิมซ้ำๆ อีก
หญิงสาวคนดังกล่าวอายุ 41 ปี ได้ร้องเรียนกับทางเที่ยงวันทันเหตุการณ์ซึ่ง เธอเล่าว่า รู้จักกับ ทหารรายหนึ่ง ผ่านทาง tiktok ซึ่งชายคนนี้เข้ามากดไลก์ กดหัวใจใน tiktok ให้เธอนานเป็นเวลากว่า 2 เดือน ซึ่งตอนนั้นเธอก็ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทหารนายนี้ ทักเข้ามาใน inbox แนะนำตัวเองว่า เป็นทหารสังกัดกองทัพบกอยู่ในค่ายแห่งหนึ่งที่จังหวัดราชบุรี ยศ “สิบตรี” อ้างเป็นเด็กนาย สนิทสนมกับนายทหารยศสูงๆ
เธอบอกว่า ทหารรายนี้เป็นคนพูดจาดี ปากหวาน ออดอ้อน แต่ชอบบ่นเรื่องเงินเดือนไม่พอใช้ และชอบส่งรูปกินข้าวแบบน่าสงสารมาให้ เธอดู จนเธอรู้สึกสงสารจึงโอนเงินให้ครั้งละ 500 – 1,000 บาท และคุยกันทุกวันจนเกิดความสนิทสนมกันมากขึ้น ช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์ ทหารนายนี้ จะได้ออกจากค่ายทหาร ก็นัดเจอกัน นัดกินข้าว ไปเที่ยวกันจนเกิดความสัมพันธ์ลึกซึ้ง
โดยนายทหารได้ถ่ายคลิปไว้ด้วย แต่พอคบหากันมาสักระยะ เธอเริ่มเอะใจ และรู้สึกแปลกๆ เพราะอีกฝ่ายมักพูดแต่ปัญหาเรื่องเงิน ญาติพี่น้องป่วย , เงินไม่พอใช้ , อยากได้นู่น ได้นี่บ้าง จนเธอสูญเงินไปประมาณ 20,000 บาท ในช่วงเวลา 1 เดือน หลังจากนั้นเหมือนทหารนายนี้ เริ่มรู้ตัว ว่าเธอรู้ว่าฝ่ายชายน่าจะหลอก จู่ๆ ทหารก็บล็อกเธอทุกช่องทาง
จากนั้น เธอจึงตามสืบตามขุดคุ้ยประวัติ ก็พบว่ามีผู้หญิงที่ถูกในฝ่ายชาย หลอกคบหาและเสียเงินในลักษณะนี้อีกไม่ต่ำกว่า 3 คน เธอทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของฝ่ายชาย จึงทำหนังสือร้องเรียนไปที่หน่วยงานต้นสังกัดของฝ่ายชาย ทางต้นสังกัดได้เรียกเธอเข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ย และยอมจ่ายค่าเสียหายให้ 100,000 บาท แลกกับการไม่เอาเรื่อง และต้นสังกัดได้สั่งขัง ฝ่ายชาย เป็นเวลา 15 วัน
ตอนแรกนึกว่าเรื่องดังกล่าวจบแล้ว แต่ไม่จบ ปรากฏว่า ฝ่ายชายถูกปล่อยตัวออกจากคุกทหาร ก็มีการส่งข้อความมาข่มขู่ ด่าเธอ ไม่พอใจที่เธอตามสืบ และไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นๆ ของเขา ซึ่งผู้หญิงคนอื่นๆก็ได้รับความเสียหายเหมือนกันกับตน แล้วตอนนี้ก็มาขอให้ตนช่วยดำเนินการเอาผิดกับทหารนายนี้
พร้อมกันนี้ สาวผู้เสียหายอีกราย ที่เคยคบหากับทหารนายนี้ บอกว่าเธอทำงานอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทหารนายนี้ เข้ามาตีสนิทผ่านทาง facebook ทักเข้ามาแนะนำตัว พูดคุยกันได้ประมาณเกือบเดือน ฝ่ายชายก็อ้อนขอมาหาที่เชียงใหม่ เธอก็ใจอ่อน ยอมให้มาหา แถมออกค่าเครื่องบินให้ด้วย พอมาถึงก็พากันกิน-เที่ยว โดยที่เธอเป็นฝ่ายออกเงินให้ทุกบาททุกสตางค์
อีกทั้งยังพาไปชอปปิ้งเสื้อผ้าของใช้แบรนด์เนม ทั้งกระเป๋า – รองเท้า ที่ทหารนายนี้อยากได้หมดไปหมื่นกว่าบาท ขาบินกลับเธอยังให้เงินติดตัวกลับเข้าค่ายทหารอีกประมาณ 3,000 บาท ซึ่งทหารนายนี้ อ้างว่ากลับไปต้องไปฝึกที่ประเทศสิงคโปร์ 10 วัน จะไม่ได้คุยกัน ผู้เสียหายจึงบอกว่า ไม่อยากให้ฝ่ายชายไป แต่ถ้าไปสิงคโปร์ก็จะได้เบี้ยเลี้ยง ประมาณ 3,000 บาท เธอจึงจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงให้ฝ่ายชาย แลกกับการที่ฝ่ายชายไม่ต้องไปฝึกที่สิงคโปร์
หลังจากนั้น พอฝ่ายชาย กลับเข้าไปอยู่ในค่าย เวลาที่คุยกันก็มีแต่ปัญหาเรื่องเงิน สารพัดที่จะอ้าง ทั้งอ้างเรื่องรถชนต้องจ่ายค่าประกัน ญาติพี่น้องป่วย หรือจะทำบุญภายในครอบครัวก็จะขอเงินจากผู้เสียหาย สุดท้ายพอผู้เสียหาย พยายามตีตัวออกห่าง เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้เสียหายอีกคน ติดต่อมา เล่าเรื่องพฤติกรรมของทหารนายนี้ให้ฟัง ปรากฏว่าเจอพฤติกรรมแบบเดียวกัน จนช่วยกันตามสืบหาหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อของทหารนายนี้
จนไปพบว่า ล่าสุด ทหารนายนี้เข้าไปคบหาพัวพันกับผู้จัดการคลินิกเสริมความงามคนหนึ่ง ซึ่งมีสามีแล้วเป็นจ่าทหารอากาศอยู่ที่ จังหวัดลพบุรี และ มีทะเบียนสมรสกันด้วย ไม่รู้ว่าทางสามีผู้จัดการคลินิกเสริมความงามรู้เรื่องหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ผู้จัดการคลินิกเสริมความงามสาวรายนี้น่าจะหมดเงินจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม เธอพยายามติดต่อหาเจ้าของคลินิกเสริมความงามดังกล่าวแล้ว แต่ไม่ให้ความร่วมมือเหมือนช่วยกันปิดบังและปกป้องทหารนายนี้ด้วย ถ้ามีผู้หญิงคนไหนตกเป็นเหยื่อของ ทหารนายนี้ ให้ออกมา หรือให้ติดต่อมาที่รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ได้